fbpx
Lotus Eletre ราคา

Lotus Eletre ไฮเปอร์เอสยูวีไฟฟ้า 100% เปิดราคาในไทยเริ่มต้น 5,890,000 บาท

Lotus Eletre (โลตัส อีเลททร้า) ไฮเปอร์เอสยูวีไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของแบรนด์ ถูกเปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการในประเทศไทย วางจำหน่าย 2 รุ่นได้แก่ Eletre S และ Eletre R ในราคาเริ่มต้น 5,890,000 บาท

Eletre คือไฮเปอร์เอสยูวีที่ผสานสมรรถนะขั้นสูงเข้ากับประสิทธิภาพด้านพลังงานได้อย่างลงตัว เหมาะทั้งสำหรับการขับขี่ทางไกลและการใช้งานในชีวิตประจำวัน แบตเตอรี่ขนาด 800 โวลต์ 112KWh สามารถชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็วและเต็มประสิทธิภาพ ทั้งยังมีระบบจัดการความร้อนที่ดีเยี่ยมเพื่อมอบประสิทธิสูงสุดในทุกสภาวะ รถยนต์รุ่นนี้ยังใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นรุ่นแรกของโลตัส ทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าน้ำหนักเบาและอุปกรณ์อินเวอร์เตอร์ขั้นสูง โดย Eletre รุ่นพื้นฐานมีพละกำลัง 603 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 4.5 รินาที และวิ่งได้ระยะทาง 600 กม. ในขณะที่ Eletre R ให้กำลังสูงสุด 905 แรงม้า และวิ่งได้ระยะทาง 490 กม. โดยมีระบบชาร์จพลังงานกลับคืนในขณะเบรก ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับระดับการประจุพลังงานามต้องการ

นอกจากนี้ยังมีกำลังลากสูงถึง 2,250 กิโลกรัม และพื้นที่จัดเก็บสัมภาระเพิ่มเติม ความหรูหราสง่างามและฟังก์ชันการใช้งานที่สะดวกสบายรูปทรงและฟังก์ชัน เทคโนโลยีอากาศพลศาสตร์และค็อกพิตระบบดิจิทัลการออกแบบอันล้ำสมัยของ Eletre เพิ่มสุนทรียศาสตร์ให้กับไฮเปอร์เอสยูวีที่วางตำแหน่งเครื่องยนต์กลางตัวรถด้วยหลักอากาศพลศาสตร์ชั้นสูงที่ได้แรงบันดาลใจจากรุ่น Evia และ Emira พร้อมค่าสัมประสิทธิ์แรงด้าน 0.26 ผสานการติดตั้งกระจังหน้าแอ็กทีฟแบบปรับแต่งได้เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศที่เหมาะสม ซึ่งจะเปิดขึ้นเมื่อขับขี่แบบ Track Mode เพื่อมอบสมรรถนะสูงสุด กระจกมองหลังแบบจอแสดงผลระบบไฟฟ้าถูกติดตั้งแทนที่กระจกแบบเดิมเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยและลดแรงต้านลมได้ 1.5% ทั้งยังเพิ่มระยะการมองเห็นให้กว้างขึ้น ส่วนเซ็นเซอร์ LIDAR แบบพับเก็บได้และยังมอบระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง ในขณะที่สปอยเลอร์หลังจะปรับเปลี่ยนตำแหน่งไปตามสภาพการขับโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยลดแรงต้านได้มากถึง 1.8%

ห้องโดยสารที่หรูหราล้ำสมัยของ Eletre นำเสนอ “ค็อกพิตระบบดิจิทัล (Digital Cockpit)” ติดตั้งชิปเซ็ต Qualcomm อันทรงพลังและระบบปฏิบัติการ Lotus Hyper OS พร้อมระบบการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ดแบบ 5G และการอัปเดดผ่าน OTA นอกจากนี๊ ยังมีระบบการสั่งงานด้วยเสียงและหน้าจอ OLED ติดตั้งหลายตำแหน่งเพื่อให้สามารถใช้งานระบบนำทางขั้นสูง การชาร์จไร้สาย และคุณสมบัติด้านความปลอดภัยได้อย่างง่ายดาย ห้องโดยสารยังมีระบบเสียง KEF คุณภาพสูงที่มาพร้อม Dolby AImos และแปพลิเคชันเพื่อการควบคุมระยะไกล การออกแบบองค์ประกอบอื่น “ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและประหยัดพลังงาน อาทิ หลังดาพาโนรามาอัจฉริยะ เป็นต้น

นอกจากนี้ Eletre ยังติดตั้งระบบดวามปลอดภัยและความสะดวกสบายขั้นสูง รวมถึงเซ็นเซอร์ 34 ตำแหน่งและชิปเซ็ต NVIDIA Orin-X จำนวน 2 ตัวเพื่อสนับสนุนการขับขี่อัตโนมัติแบบ Level 4 ส่วนพืเจอร์ Highway Assistทำให้การขับขี่ทางไกลง่ายดายขึ้น โดยจะช่วยบริหารความเร็วและจัดตำแหน่งรถยนต์ในช่องทางเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วระหว่าง 30-150 กม /ซม. ระบบ Driver Monitoring System จะแจ้งเตือนหากผู้ขับขี่เกิดอาการเหนื่อยล้าหรือเสียสมาธิ ในขณะที่ระบบ Life Detection and Care จะช่วยป้องกันการปล่อยเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงไว้ในรถเมื่ออากาศร้อนจัด ไปจนถึงการแจ้งเตือนหน่วยงานฉุกเฉินหากเกิดเหตุจำเป็น

ฟีเจอร์มาตรฐานของ Eletre ประกอบด้วยระบบถุงลมกันสะเทือนแบบแอ็กทีฟ, ระบบควบคุมการหน่วงต่อเนื่อง, ระบบแรงบิดเวกเตอร์, ระบบ Lotus Intelligent Dynamic Chassis Control, ล้อขึ้นรูปขนาด 23 นิ้วแบบ 5 ก้านพร้อมเคลือบผิวแบบ Diamond-turned (รุ่นมาตรฐานในตลาดเมืองไทยจะใช้ล้อขนาด 22 นิ้วแบบ 5 ก้าน), ไฟหน้า Matrix LED, ระบบ Adaptive Cruise Control, ระบบ Visual Park Assist, ระบบปรับอากาศ 4 โซน.เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า 12 ทิศทาง, เทคโนโลยีแสดงผลบนกระจกหน้ารถแบบ Head-up Display,ระบบ Apple Carplay และ Android Auto แบบไร้สาย รวมถึงระบบเสียง KEF Premium Audio 1,380W 15 ลำโพง

ในรุ่น Eletre S ยังครบครันด้วยฟิเจอร์อื่นๆ อาทิ การปิดประตูแบบนุ่มนวล, กระจกเคลือบดำเพิ่มความเป็นส่วนตัว, ส์ปอยเลอร์หลังแบบแอ็กทีฟ, ระบบไฟตกแต่งในห้องโดยสารที่ตั้งค่าได้, กาบประตูเรืองแสง, ระบบดวบคุมคุณภาพอากาศ, ระบบเสียง KEF Reference 2,160 วัดต์ 23 ลำโพง และล้อขึ้นรูปขนาด 22 นิ้วแบบ 10 ก้านในเฉดสีเทาพร้อมทำผิวแบบ Diamond-turned

สำหรับ Eletre R รุ่นแฟล็กชิฟเน้นประสิทธิภาพและการขับขี่ที่เร้าใจด้วยการติดตั้ง Lotus Dynamic Handling Pack (ประกอบด้วย Intelligent Active Roll Control และ Active Rear แพกเกจชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ Carbon Pack,ยางสมรรถนะสูงรุ่น Pirelli P Zero และการเคลือบสีล้อโทนดำ พร้อมเพิ่มโหมดการขับขี่แบบที่ 6 คือ Track Mode สำหรับสนามแข่ง ซึ่งจากการทดสสุดโหด ซึ่งรวมถึงที่สนาม Nirburgring ปรากฎว่า Eletre R คือเอสยูวีระบบไฟฟ้า 100% แบบสองมอเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก ณ เวลานี้ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาไม่ถึง 3 วินาที

ส่วนระบบชาร์จก็เร็วแรงไม่แพ้กัน โดยชาร์จไฟจาก 10-80% ในเวลาเพียง 20 นาที หรือชาร์จเพียง 5 นาทีก็สามารถวิ่งได้ไกลถึง 120 กม. ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวที่มอบแรงฉุดได้อย่างฉับไวบวกกับประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำให้ Eletre R มีแรงลากสูงถึง 2,250 กก. นอกจากนี้ ยังมีจอแสดงผลแบบ Head-up Display ขนาด 29 นิ้ว ในรูปแบบจอเสมือนบนกระจกหน้าที่ฉายกราฟิกซ้อนทับมุมมองด้านหน้า ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนนในขณะดูข้อมูล ในขณะที่ชุดเซ็นเซอร์ยังสามารถอัปเดตได้แบบ Over-the-air (OTA) อีกด้วย

เวิร์นส์ ออโตโมทีฟ ประเทศไทย เปิดรับออเดอร์ Eletre S ราคา 5,890,000 และ Eletre R ราคา 6,590,000 บาท กำหนดเริ่มส่งมอบรถตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2024 พร้อมการรับประกันตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กม. รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 200,000 กม.

บทความที่น่าสนใจ

มีข่าวว่า GM กำลังพัฒนารถสปอร์ตไฟฟ้าคันใหม่ จะใช่ Camaro EV หรือเปล่าน๊า

idiot

Neta Eureka 03 ต้นแบบซีดานพลังงานไฟฟ้า คู่แข่งใหม่ Tesla Model 3

Peng

สิ้นสุดการรอคอย GWM ประกาศราคา All New HAVAL H6 Hybrid SUV อย่างเป็นทางการ เริ่มต้นที่ 1,149,000 บาท

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy