fbpx
Audi A8 L 60 TFSI e quattro

Audi A8 L 60 TFSI e quattro ซีดานปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแฟลกชิป เคาะราคาในไทยเริ่ม 7.199 ล้านบาท

Audi A8 L 60 TFSI e quattro รถซีดานปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแฟลกชิป ถูกเผยโฉมแล้วอย่างเป็นทางการในไทย เคาะราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 7.199 ล้านบาท

Audi A8 L 60 TFSI e quattro ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V6 3.0 TFSI ให้กำลังสูงสุดถึง 340 แรงม้า ทำงานคู่กับระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุดถึง 136 แรงม้า ระบบเกียร์ Tiptronic 8 สปีด ส่งกำลังไปยังล้อทั้ง 4 ผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ให้กำลังสูงสุด 462 แรงม้า เร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 4.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเพียง 2.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร

ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ให้ความเร็วสูงสุด 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และระยะการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 52 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) รองรับการชาร์จไฟได้สูงสุด 7.4 กิโลวัตต์ ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง สำหรับการชาร์จด้วยไฟ 220 โวลต์ ก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ภายในเวลาไม่เกิน 4 ชั่วโมง

ปลั๊กอินไฮบริดของ Audi นั้นมาพร้อมกับการขับขี่ทั้งหมด 4 โหมด ได้แก่

  1. EV Mode รถจะขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ตราบใดที่คนขับไม่เหยียบคันเร่งเกินที่กำหนดไว้
  2. Battery Hold ระบบจัดการการขับขี่จะรักษาความจุของแบตเตอรี่ไว้ที่ระดับปัจจุบันที่คงเหลือ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถครอบคลุมระยะทางที่กำหนดในภายหลังด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
  3. Battery Charge ระบบจะจัดการการขับขี่โดยสร้างพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถวางแผนการใช้งานด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบในพื้นที่ที่ต้องการได้ 
  4. Hybrid จะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติพร้อมกับระบบนำทาง หรือคนขับสามารถเลือกใช้ปุ่มโหมดการทำงาน โดยในโหมดนี้จะทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปอย่างลงตัว เพื่อลดอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานเชื้อเพลิงให้ได้น้อยที่สุด โดยรถจะเน้นการใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก เช่น การจราจรที่ติดขัด ระบบไฟฟ้าจะทำงานเป็นส่วนใหญ่ โดยจะทำงานร่วมกับระบบ Recuperation ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะการขับขี่ สถานการณ์ สภาพถนน และการขับขี่ 

ดีไซน์ภายนอกโดดเด่น สปอร์ตพรีเมียม และสง่างาม ขณะที่ไฮไลท์อย่างห้องโดยสารสร้างประสบการณ์อันไร้ที่ติในทุกการเดินทาง ด้วยความสะดวกสบายผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น สามารถควบคุมการใช้งานภายในรถได้จากด้านหลังด้วยหน้าจอส่วนตัวพร้อมจอ OLED แบบสัมผัสขนาด 5.7 นิ้ว เบาะหลังแยกซ้ายขวาออกจากกันให้ความเป็นส่วนตัว พร้อมที่พักเท้าแบบอุ่นร้อนและฟังก์ชันนวดเท้า หลังคาพาโนรามิคเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ม่านบังแดดปรับไฟฟ้าสำหรับกระจกด้านหลังและกระจกข้างด้านหลังเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว ไฟอ่านหนังสือภายในแบบ Matrix LED เพื่อความสะดวกสบายในการมองเห็นภายในรถ

ระบบความปลอดภัยแบบครบครัน

  • ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Audi pre sense basic) ระบบจะประเมินสถานการณ์การขับขี่ จากการทำงานของเซ็นเซอร์ภายใต้ระบบควบคุมการทรงตัว ESC เรดาร์เซ็นเซอร์บริเวณด้านท้ายรถ หรือการเหยียบแป้นเบรกอย่างรุนแรง ในกรณีที่ประเมินว่ามีแนวโน้มที่อาจเกิดอันตรายได้ ระบบจะดึงรั้งสายเข็มขัดนิรภัยของเบาะนั่งคู่หน้าให้กระชับ นอกจากนั้นแล้ว หากกระจกหรือหลังคาพาโนรามิคถูกเปิดค้างไว้ ระบบจะปิดให้โดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งเปิดการทำงานของสัญญาณไฟฉุกเฉิน
  • ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุด้านหลัง (Audi pre sense rear) เรดาร์เซ็นเซอร์ที่อยู่ด้านท้ายรถจะประเมินสภาพการจราจรที่อยู่ด้านหลัง ในกรณีที่ประเมินว่ามีแนวโน้มที่อาจเกิดอันตรายได้ ระบบจะดึงรั้งสายเข็มขัดนิรภัยของเบาะนั่งคู่หน้าให้กระชับ หากกระจกหรือหลังคาพาโนรามิคถูกเปิดค้างไว้ ระบบจะปิดให้โดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งเปิดการทำงานของสัญญาณไฟฉุกเฉิน
  • ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน (Lane change assist) เรดาร์เซ็นเซอร์ 2 ตำแหน่ง ที่อยู่ด้านท้ายของตัวรถจะช่วยผู้ขับขี่ในการตรวจสอบสภาพการจราจรที่อยู่ด้านหลัง เมื่อระบบประเมินว่ารถอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดอันตรายได้หากผู้ขับขี่เปลี่ยนเลน ระบบจะแสดงสัญญาณเตือนขึ้นที่กระจกมองข้าง ทั้งนี้ หากผู้ขับขี่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อตั้งใจเปลี่ยนเลนไปยังทิศทางดังกล่าว สัญญาณเตือนจะกระพริบถี่ขึ้น
  • ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อเปิดประตูลงจากรถ (Exit warning) ขณะที่รถจอดหยุดนิ่ง ระบบจะตรวจสอบสภาพแวดล้อมทั้งด้านข้างและด้านหลัง ทั้งนี้ในกรณีที่ตรวจพบยานพาหนะที่เคลื่อนเข้ามาในระยะที่อาจเกิดอันตราย เช่น รถยนต์ หรือ รถจักรยาน กำลังเคลื่อนเข้ามาจากด้านหลัง ในขณะที่ผู้โดยสารภายในรถกำลังเปิดประตูจากด้านใน สัญญาณไฟเตือนจะปรากฏขึ้น
  • ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง (Rear cross traffic assist) ระบบสามารถแจ้งเตือนผู้ขับขี่ขณะถอยรถออก หากตรวจสอบสภาพแวดล้อมแล้วพบว่ามีรถเคลื่อนเข้ามาในระยะที่อาจเกิดอันตราย ระบบจะส่งสัญญาณเตือน และหากอยู่ในสถานการณ์คับขัน ระบบจะช่วยเบรกเพื่อลดทอนการเกิดอุบัติเหตุ

Regenerative power 

เมื่อรถมีการเคลื่อนที่แบบลอยตัว ตัวรถจะทำการชาร์จไฟกลับสู่แบตเตอรี่ด้วยระบบ Coasting Recuperation โดยระบบนี้จะสามารถคืนพลังงานไฟฟ้าให้กับรถได้มากถึง 25 กิโลวัตต์ นอกจากนั้นในขณะที่ผู้ขับขี่ทำการเบรก Audi A8 L 60 TFSI e quattro จะสามารถคืนพลังงานเข้าแบตเตอรี่ได้สูงสุดถึง 80 กิโลวัตต์ ด้วยระบบ Brake recuperation โดยมีหน้าจอ Virtual Cockpit และระบบ MMI หน้าจอระบบสัมผัสที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถดูข้อมูลการขับขี่ได้อย่างหลากหลาย เช่น มาตราวัดกำลัง ระยะทาง หรือพลังงานในปัจจุบันของระบบเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นต้น เพื่อจะได้เลือกการขับขี่ได้อย่างถูกต้อง

Audi A8 L 60 TFSI e quattro Prestige S line มาพร้อมกับสมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้น ดีไซน์การตกแต่งของเบาะนั่งภายในดูสปอร์ตมากขึ้นด้วยลาย Diamond cut ทั้งยังเพิ่มระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มาอย่างครบครันในราคาที่ถูกลงมากกว่า 1 ล้านบาท เปิดให้จองแล้วในราคา 7,199,000 บาท 

สีภายนอกมีให้เลือกไม่ว่าจะเป็น Metallic Glacier White, Metallic Mythos Black, Metallic Floret Silver และ 2 สีใหม่ Metallic Firmament Blue, Metallic District Green สีภายในห้องโดยสารมีให้เลือก 2 สี คือ Cognac Brown และ Black 

บทความที่น่าสนใจ

เผยโฉม Ferrari 812 Superfast เวอร์ชั่นฮาร์ดคอร์ 818 แรงม้า กับเรดไลน์ระดับ 9,500 รอบต่อนาที

Peng

เมื่อเจ้า Model S อาจถูกโค้นบัลลังก์ด้วย Taycan Turbo S

idiot

Zenvo เผยไฮเปอร์คาร์รุ่นใหม่จะผลิตกำลังได้ 1500-1800 แรงม้าจากเครื่องยนต์ V12 พ่วงระบบไฮบริด

Peng

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy