ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินยอดขายรถ BEV ในปี 66-67 มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นสวนทางกับยอดขายรถรวมทั้งตลาดที่กำลังเผชิญหลายปัญหา โดยเฉพาะความเข้มงวดของการปล่อยสินเชื่อ โดยรถยนต์ BEV เข้าไปครองส่วนแบ่งสูงขึ้นมากจากมาตรการ EV 3.0 ที่ทำให้ค่ายรถต่างทยอยเข้ามาลงทุนและเปิดตลาด แต่ในปี 67 ระดับแรงส่งตลาดของรถยนต์ BEV จะมากกว่าปี 66 อย่างไรขึ้นอยู่กับความชัดเจนอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องมาตรการ EV 3.5
ปี 66 จัดว่าเป็นปีแห่งการเติบโตรุดหน้าของตลาดรถยนต์ BEV ในไทย จากแรงหนุนมาตรการ EV 3.0 ที่เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 65 ที่ทำให้หลายค่ายรถยนต์เข้ามาลงทุนและทำตลาดในไทย ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ตลอดทั้งปี 66 รถยนต์ BEV มีโอกาสทำยอดขายได้สูงถึง 68,000 คัน เพิ่มขึ้น 405% (YoY) คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 8.6% ของยอดขายรถยนต์รวม
ส่วนในปี 67 การทยอยเข้ามาเพิ่มเติมของรถยนต์ BEV ค่ายใหม่ๆ ในตลาด ส่งผลให้ตลาดยิ่งจะมีความคึกคักขึ้น รถยนต์ BEV จึงน่าจะมีโอกาสทำยอดขายในกรณีฐานได้เพิ่มขึ้นไปถึง 85,000 คัน โดยส่วนแบ่งขยับขึ้นเป็น 10% แม้การขยายตัวอาจชะลอลงมาที่ 25% (YoY) เนื่องจากยังต้องรอความชัดเจนของนโยบายของภาครัฐที่อาจกระทบอย่างมากกับยอดขายรถยนต์ BEV
หากภาครัฐประกาศเดินหน้ามาตรการ EV 3.5 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 67 และเงื่อนไขของมาตรการยังคงจูงใจค่ายรถ BEV อาจทำให้ยอดขายรถยนต์ BEV ในปี 67 ปรับเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาด โดยมองว่ายอดขาย BEV ในปี 67 อาจขยับไปได้ถึงระดับ 100,000 คัน หรือขยายตัว 47% (YoY)
อย่างไรก็ดี แม้ยอดขายรถยนต์ BEV ในไทยจะมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น แต่ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศโดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนที่สูง และการที่สถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ยอดขายรถยนต์รวมในประเทศทั้งปี 66 นี้ น่าจะหดตัว 6.0% (YoY) หรืออยู่ที่ 795,000 คัน (ช่วง 8 เดือนแรก มียอดขาย 524,784 คัน หดตัว 6.0% (YoY)) ก่อนที่ยอดขายตลาดรวมน่าจะเพิ่มขึ้นได้ในปี 67 ไปอยู่ที่ 810,000 คัน หรือเติบโต 2% (YoY) จากการที่เศรษฐกิจในประเทศได้แรงกระตุ้นจากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ
ท่ามกลางตัวเลขยอดขายรถยนต์ BEV ที่จะเติบโตได้ดีมากจากหลายแรงกระตุ้นด้านการตลาด แต่ก็ยังมีประเด็นสำคัญที่ต้องใส่ใจรออยู่ข้างหน้า คือ ปัญหาจำนวนจุดชาร์จสาธารณะที่อาจเติบโตตามไม่ทันยอดขายรถยนต์ BEV ซึ่งจะกลายมาเป็นข้อจำกัดที่ทำให้การขยับเพิ่มยอดขายไปสู่ตลาดผู้บริโภคทั่วไปที่มีขนาดใหญ่ (Mass market) ในอนาคตทำได้ยาก ดังนั้น การสร้างแรงจูงใจของภาครัฐเพื่อให้เกิดการขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าเพิ่มจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ตลาดรถยนต์ BEV ยังโตต่อเนื่องตามแผน ระหว่างที่แบตเตอรี่รถยนต์ BEV ที่ใช้ในไทยยังไม่พัฒนาถึงจุดที่จะใช้วิ่งในระยะไกลมาก รวมถึงชาร์จในเวลารวดเร็วได้
CR : kasikornresearch