BYD ได้เปิดตัว Shark รุ่นใหม่ เป็นรถกระบะขนาดกลางซึ่งมีระบบส่งกำลังแบบปลั๊กอินไฮบริด ขุมพลังรวมสูงสุด 430 แรงม้า วิ่งได้ไกลสูงสุด 840 กม.
BYD Shark ถูกพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์ม DMO (Dual Mode Off Road / Plug-in Hybrid) ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเทอร์โบ ความจุ 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ให้กำลังรวมสูงสุด 430 แรงม้า ส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ล้อ โดยสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.7 วินาที
Shark ติดตั้งมาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบ Blade Battery (LFP) ด้วยเทคโนโลยี (Cell to Chassis) กลายเป็นส่วนหนึ่งของแชสซีซ์ ที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างขึ้น 38% มีขนาดความจุที่ 29.58 kWh สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ไกลสูงสุด 100 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) เมื่อรวมกับน้ำมันเต็มถังจะสามารถขับขี่ต่อเนื่องได้ไกลสูงสุด 840 กม. รองรับการชาร์จแบบรวดเร็วจาก 30-80% ในเวลาประมาณ 20 นาที และสามารถใช้เป็นแหล่งจ่ายไฟภายนอกได้ (VTOL)
BYD กล่าวว่า Shark จะมีขนาดตัวถังที่ใหญ่ที่สุดในระดับเดียวกัน และมีความยาว 214.8 นิ้ว (5,457 มม.) กว้าง 77.6 นิ้ว (1,971 มม.) และสูง 75.8 นิ้ว (1,925 มม.) ซึ่งโมเดลนี้มีความยาวมากกว่า Chevrolet Colorado และ Ford Ranger อยู่เพียงเล็กน้อย แต่สั้นกว่า Jeep Gladiator อยู่ 3.2 นิ้ว (81 มม.)
ในตลาดเม็กซิโก จะมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น หน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ที่สามารถปรับหมุนด้วยไฟฟ้า และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว รองรับการสั่งงานด้วยเสียง โดยนอกจากจะรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ยังมีฟังก์ชันร้องคาราโอเกะ เป็นอุปกรณ์เสริมได้อีกด้วย
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า (W-HUD) มีขนาด 12 นิ้ว และยังสามารถแสดงผลการทำงานของระบบช่วยขับขี่ ADAS ได้พร้อมด้วยระบบกล้องมองภาพ 540 องศา ที่ประกอบด้วยกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา และระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ 180 องศา ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่แบบออฟโรด รวมถึงแท่นชาร์จไฟไร้สายที่สามารถจ่ายไฟได้ถึง 50W อีกด้วย
BYD Shark มีความสามารถในการบรรทุก 1,841 ปอนด์ (835 กก.) และความสามารถในการลากจูง 5,512 ปอนด์ (2,500 กก.) แม้ว่าตัวเลขหลังจะไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก แต่รถกระบะคันนี้มีระบบกันสะเทือนหน้าและหลังแบบอิสระ รองรับ V2L และแอปที่ช่วยให้ทุกอย่างตั้งแต่ระบบล็อคประตูไปจนถึงระบบควบคุมสภาพอากาศในรถที่สามารถใช้งานจากระยะไกลได้
ระบบช่วยการขับขี่อัจฉริยะถูกใส่มาอย่างครบครัน เช่น ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ (ACC), ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW), ระบบเตือนการชนด้านท้าย (RCW), ระบบเตือนรถออกนอกเลน (LDW), ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB), ระบบป้องกันการชนรถคันที่สวนมา (ELKA) และระบบนำทางอัจฉริยะ (ICC – Intelligent Navigation System) เป็นต้น
เราคาดว่าจะได้เรียนรู้รายละเอียดทั้งหมดเมื่อใกล้เปิดตัว แต่คาดว่าราคาจะเริ่มต้นที่ 899,980 MXN (หรือประมาณ 1.95 ล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน) นั่นหมายความว่า Shark จะมีราคาสูงกว่า Ranger แต่จะถูกกว่า Chevrolet Coloradoลง 70,420 MXN ($4,180 USD)
Cr : carscoops