fbpx

ทำไม? รถยนต์พลังงานไฮโดนเจน ถึงไม่ประสบความสำเร็จ !!

วิกฤตราคาพลังงานกำลังเล่นงานผู้ใช้รถยนต์แทบจะทั่วทุกมุมโลก จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาภาวะโลกร้อนที่กำลังทวีความรุนแรงเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างก็พัฒนารถยนต์ให้ปล่อยมลพิษไอเสียลดลง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น เครื่องยนต์ไฮบริด และต่อเนื่องมาถึงรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% (BEV) ที่ไม่มีการปล่อยมลพิษไอเสียจากตัวรถเลย รวมถึงยังมีค่าใช้จ่ายในการเติมพลังงานที่ต่ำกว่ารถยนต์สันดาปอยู่ถึง 1-2 เท่าตัว
Hydrogen Car

แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายบริษัท ได้คิดค้นรถยนต์พลังงานทางเลือกอย่าง “ไฮโดนเจน” ซึ่งหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญก็คือ Toyota ได้เริ่มพัฒนารถยนต์พลังงานไฮโดนเจนมาตั้งแต่ปี 1992 หรือเมื่อ 32 ปีที่แล้ว และในปี 2014 ได้มีการเปิดตัว Toyota Mirai เจนเนอเรชั่นที่ 1 และมีการเปิดตัวรถเจนเนเรชั่นที่ 2 ในปี 2020 ที่ผ่านมา แต่ทว่ากระแสตอบรับกลับไม่ดีอย่างที่คิด

Toyota Mirai
Toyota Mirai รถยนต์พลังงานไฮโดนเจน ยอดขายอันดับ 1 ในปัจจุบัน

ว่าแต่ทำไม รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน ที่ทั้งสะอาดและดูปลอดภัย ถึงยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เราไปหาคำตอบกันในบทความนี้พร้อมๆกันเลยครับ

 

จำนวนสถานีเติมพลังงานไฮโดนเจน ยังมีไม่เพียงพอ

เริ่มกันที่ปัญหาสำคัญ ที่คนใช้รถต่างเป็นกังวล นั่นก็คือ ปริมาณของสถานีเติมพลังงานไฮโดรเจน ที่ยังมีจำนวนน้อยมากๆ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศญี่ปุ่นซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญของรถยนต์ไฮโดรเจน แต่กลับมีจำนวนสถานีชาร์จเพียงแค่ 160-170 สถานีเท่านั้น ในขณะที่ฝั่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งถึงเป็นตลาดรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่กลับมาจำนวนสถานีชาร์จอยู่เพียงประมาณ 80-90 สถานีเท่านั้น

Hydrogen Station

ราคาค่าเชื้อเพลิง ยังคงสูง และไม่ค่อยคุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้า

นอกจากปริมาณสถานีชาร์จที่น้อยแล้ว ราคาค่าเชื้อเพลิงไฮโดรเจนน่าตกใจยิ่งกว่า เนื่องจากในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ราคาเชื้อเพลิงไฮโดนเจนนั้นพุ่งสูงขึ้นถึงเกือบเท่าตัว โดยในปัจจุบันมันมีราคาอยู่ที่ราวๆ 35 ดอลลาร์ (1,300 บาท) ต่อ 1 กิโลกรัม ซึ่งสามารถพารถวิ่งได้ไกลราวๆ 130 กิโลเมตร ตกเฉลี่ยกิโลเมตรละ 10 บาท ในขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินแบบมาตรฐานในสหรัฐฯ อยู่ที่ราวๆ 3.6 ดอลลาร์ (132 บาท) ต่อแกลอน ซึ่งสามารถพารถอย่าง Toyota Camry ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปล้วนไปได้ไกลประมาณ 56 กิโลเมตร เฉลี่ยแล้วตกกิโลเมตรละเพียงแค่ประมาณ 2.35 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่ามีค่าใช้จ่ายพลังงานที่ถูกกว่าเชื้อเพลิงไฮโดรเจนถึง 4 เท่าตัวด้วยกัน

ถังเชื้อเพลิง มีราคาสูงถึง 1 ใน 3 ของราคารถ และจำเป็นต้องเปลี่ยนทุกๆ 8-10 ปี

แน่นอนว่ารถยนต์ทุกคันจะต้องมีแหล่งกักเก็บเชื้อเพลิง รถยนต์พลังงานไฮโดรเจนก็เช่นกัน เพราะต้องใช้ถังเก็บไฮโดรเจน ที่ต้องบอกเลยว่าเปลี่ยนที่มีหน้ามืด ไม่แพ้แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าเลย โดยเราจะยกตัวอย่างราคาเปลี่ยนถังไฮโดรเจนของ Toyota Mirai ซึ่งตัวรถที่มีขายอยู่ที่ประมาณ 1.8 ล้านบาท (ราคาขายในสหรัฐอเมริกา) แต่ราคาค่าเปลี่ยนถังเชื้อเพลิงนั้นกลับสูงถึง 500,000 – 600,000 บาท

 

ราคามือสอง ร่วงหนัก

ราคาขายต่อ เป็นอีกปัจจัยที่หลายๆคนให้ความสำคัญ ซึ่งเจ้ารถไฮโดรเจนอย่าง Toyota Mirai ในสหรัฐอเมริกา มีราคามือสองในตลาดที่ต้องพูดเลยว่า “ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน” โดยเราจะยกตัวอย่างรถ Mirai ปี 2020 ที่ถูกประกาศขายอยู่ในเว็ปไซต์ซื้อขายรถยนต์มือสองแห่งหนึ่ง โดยผู้ขายตั้งราคาไว้ที่ 10,900 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยที่ 400,000 บาท ซึ่งหากเปรียบเทียบกับราคารถใหม่ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.8 ล้านบาท จะเห็นได้ว่ารถเพียง 4 ปี แต่ราคากลับหายไปมากถึง 75%

Toyota Mirai 2019
ราคา Toyota Mirai ปี 2019 ถูกนำมาขายเป็นรถยนต์มือสองเพียงแค่ 10,900 ดอลลาร์ หรือประมาณ 400,000 บาท

ถึงแม้ว่ารถยนต์พลังงานไฮโดรเจนจะเป็นอีกหนึ่งพลังงานทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะเป็นรถยนต์พลังงานสะอาด 100% แถมยังใช้เวลาเติมเชื้อเพลิงเพียงแค่ 5 นาที ซึ่งเร็วกว่ารถยนต์ไฟฟ้ามากพอสมควร แต่ด้วยราคาค่าเชื้อเพลิงที่สูง รวมถึงจำนวนสถานีชาร์จที่น้อย และมีบางส่วนในสหรัฐฯ ที่ทยอยปิดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้รถยนต์พลังงานไฮโดนเจนยังคงไม่มีที่นิยมมากเท่าที่ควรนั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : toyota.com / afdc.energy.gov / spglobal.com / gasprices.aaa.com / edmunds.com

บทความที่น่าสนใจ

5 เหตุผล ทำไมต้องเลือกมอเตอร์ไซค์สไตล์ครุยเซอร์

idiot

Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC เอสยูวีสายพันธุ์แรงรุ่นประกอบในประเทศ เคาะราคา 3.19 ล้านบาท

Peng

New Mercedes-AMG E53 ตัวแรงปลั๊กอินไฮบริด 612 แรงม้า เผยโฉมแล้ว

Peng

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy