fbpx
Cover-รถเหินน้ำ

หน้าฝนต้องระวังอาการ รถเหินน้ำ (Hydroplane) อันตรายมากกว่าที่คุณคิด !!

ช่วงนี้ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ และในครั้งนำอาจรอการระบายจนเกิด น้ำท่วมขัง ซึ่งสิ่งนี้เป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่มากกว่าที่คิด หากคุณขับรถมาด้วยความเร็วและเจอแอ่งน้ำเหล่านี้ รถของคุณอาจเกิดอาการที่เรียกว่า อาการรถเหินน้ำ หรือ Hydroplane

 

รถเหินน้ำ (Hydroplane)

 

อาการรถเหินน้ำ (Hydroplane) คืออะไร ?

อาการรถเหินน้ำ หรือ Hydroplane เป็นอาการของยางรถยนต์ที่หมุนไปเหนือชั้นของน้ำที่ท่วมขังอยู่บริเวณพื้นถนน แต่ยางไม่สามารถรีดน้ำออกได้ทัน ทำให้ยางรถยนต์นั้นไม่สามารถยึดเกาะกับผิวถนน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทุกครั้งที่ขับฝ่าน้ำฝนท่วมขังเป็นแอ่งเล็กๆ บนถนนหรือวิ่งฝ่าสิ่งสกปรกยามเกิดฝนตกหนัก เช่น เลนหรือโคลนที่อยู่บนพื้นผิวถนน ทำให้ผู้ขับขี่สูญเสียการควบคุมแทบจะ 100%

Car Hydroplane รถเหินน้ำ
ภาพด้านซ้ายแสดงการขับรถด้วยความเร็วสูง เมื่อเจอแอ่งน้ำจะทำให้ยางไม่สัมผัสกับผิวถนน ส่งผลให้รถเสียการควบคุม

 

ปัจจัยเสี่ยง ที่ทำให้เกิดอาการ “รถเหินน้ำ”

สาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดอาการรถเหินน้ำนั่นก็คือ “ใช้ความเร็วสูงขับผ่านแอ่งน้ำ” ซึ่งโดยปกติแล้วโดยเฉลี่ยยางรถยนต์จะสามารถรีดน้ำได้ราวๆ 15 ลิตรต่อ 1 วินาที รวมถึงการใช้ยางที่ดอกยางหมดสภาพ หรือใช้ยางผิดประเภท เช่น การใช้ยางสำหรับแข่งขันบนพื้นแห้งมาขับขี่บนทางเปียก หรือใช้ยางที่ดอกยางหมดสภาพ นอกจากนี้ยังอาจมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ลมยางที่ใช้ไม่เหมาะสม หรือสภาพถนนอาจชำรุจ

 

ขับอย่างไร ให้ปลอดภัยจากอาการ “รถเหินน้ำ” ?

สำหรับวิธีป้องกันที่ง่ายและได้ผลมากที่สุดก็คือ ไม่ใช้ความเร็วสูง ในขณะที่ขับผ่านแอ่งน้ำ โดยความเร็วที่แนะนำคือไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง (อาจช้ากว่านี้หากสภาพอากาศ ทัศนวิสัยแย่) และไม่ควรขับรถจี้ท้ายคันหน้ามากจนเกินไป เนื่องจากทัศนวิสัยด้านหน้าจะมองเห็นได้ไม่ไกล ซึ่งหากมีแอ่งน้ำอยู่อาจไม่สามารถหักหลบได้ทัน รวมถึงควรตรวจสอบความลึกของดอกยาง ซึ่งไม่ควรต่ำกว่า 3 มิลลิเมตรเพื่อประสิทธิภาพในการรีดน้ำที่ดี

 

รถแพง ออปชั่นความปลอดภัยจัดเต็ม อาจไม่ช่วยให้รอดจากอาการเหินน้ำ

ผู้ใช้รถบางคนอาจมั่นใจกับระบบความปลอดภัยในรถของตัวเองมากจนเกินไป เนื่องจากรถสมัยใหม่มีตัวช่วยด้านความปลอดภัยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันการลื่นไถล Traction Control หรือระบบควมคุมเสถียรภาพการทรงตัว ก็อาจไม่สามารถช่วยคุณให้รอดจากอันตรายได้หากคุณยังคงขับรถด้วยความเร็วสูง เนื่องจากระบบเหล่านี้ต้องการ การยึดเกาะ ระหว่างยางและพื้นถนน ในการช่วยแก้อาการของตัวรถนั่นเอง

แอดมินเชื่อว่า การลดความเสี่ยงในอุบัติเหตุบนท้องถนนที่มีประสิทธิภาพและได้ผลมากที่สุด ไม่ใช่เทคโนโลยีหรือออปชั่นความปลอดภัยของรถยนต์ แต่เป็นการตัดสินใจของผู้ขับมากกว่า ลดความเร็วลงสักหน่อย มีสติทุกครั้งที่เหยียบคันเร่ง เพียงเท่านี้ก็สามารถลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุได้ไม่น้อยเลยล่ะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : caranddriver.com / sanelnapa.com / freepik.com / pixabay.com / unsplash.com

รับชมเกล็ดความรู้เกี่ยวกับยานยนต์อื่นๆที่น่าสนใจ คลิกที่นี่

รับชมคลิปวีดีโอทดสอบรถของเรา คลิกที่นี

 

 

 

บทความที่น่าสนใจ

อะไรคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าโช้คอัพของรถคุณ เริ่มจะมีปัญหาแล้วล่ะ!?

Peng

Mercedes เตรียมเผย MBUX เวอร์ชั่นใหม่ที่ใช้ AI ช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ดั่งมนุษย์ ในงาน CES 2024

Peng

เกียร์อัตโนมัติ มีความปลอดภัยแค่ไหน?

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy