BYD เปิดเผยว่าจะลงทุนประมาณ 14 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์อัจฉริยะ โดยหนึ่งในคีย์สำคัญคือระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง และระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติที่ทันสมัยยิ่งขึ้น
Wang Chuanfu ผู้บริหารระดับสูงและผู้ก่อตั้งบริษัท ได้ประกาศการลงทุนเมื่อต้นสัปดาห์ แม้จะยังไม่ได้ระบุกรอบเวลาและรายละเอียดที่ชัดเจน แต่ระบบหนึ่งที่ผู้ผลิตรถ EV รายใหญ่ที่สุดในโลกกำลังพัฒนาคือ Navigation on Autopilot ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถละมือออกจากพวงมาลัยและเท้าออกจากแป้นเหยียบได้ในบางสถานการณ์
Bloomberg รายงานว่าระบบนี้จะต้องให้ผู้ขับขี่แตะพวงมาลัยทุกๆ 15 วินาทีและติดตั้งในรถยนต์ที่มีราคามากกว่า 300,000 หยวน ระบบดังกล่าวยังจะเป็นอุปกรณ์เสริมในรุ่นที่ราคาถูกกว่าของ BYD ซึ่งระบบนี้ได้รับการติดตั้งกับ Denza N7 EV แล้ว และจะถูกเพิ่มเข้าไปในรุ่นหรู YangWang ของแบรนด์เร็วๆ นี้ด้วย
ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีที่น่าสนใจอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง ตัวอย่างเช่น YangWang U8 จะวางจำหน่ายพร้อมกับโดรน ในขณะที่พวงมาลัยได้รับการออกแบบเพื่อให้สามารถแยกออกจากคอพวงมาลัยและใช้เล่นเกมได้ นอกจากนี้ BYD กำลังเพิ่มเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวด้วยฝ่ามือ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปิดประตูรถได้เพียงแค่โบกมือเท่านั้น
เทคโนโลยีประเภทนี้กำลังมีความสำคัญมากขึ้นในจีน Xpeng เป็นหนึ่งในผู้นำด้านระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ให้บริการระบบนำทางใน 52 เมืองทั่วประเทศ ระบบนี้อาศัยเซ็นเซอร์ Lidar และกล้องของรถที่สามารถประมวลผลได้ทั้ง การเร่งความเร็ว การเบรก การเปลี่ยนเลน และแม้กระทั่งตรวจจับสัญญาณไฟจราจร
การลงทุนของ BYD ในด้านเทคโนโลยีรถยนต์อัจฉริยะนั้นเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันกับที่บริษัทกำลังลงทุนในการผลิตเรือบรรทุกสินค้าของตัวเอง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ได้รับมอบเรือบรรทุกสินค้าลำแรกที่สามารถบรรทุกรถยนต์ได้มากถึง 7,000 คันต่อครั้ง จะมีการรับมอบเรือบรรทุกสินค้าอีก 7 ลำในอีก 2 ปีข้างหน้าด้วย
CR : Carscoops