fbpx

ICE HEV PHEV BEV มีหลักการทำงานต่างกันอย่างไร ?

รถยนต์ในปัจจุบันมีตัวเลือกหลากหลายมากขึ้นกว่ายุคก่อน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์สันดาปแบบดั้งเดิม, รถยนต์ไฮบริดที่ผสมผสานการใช้เครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้า หรือจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ในการขับเคลื่อน หลายคนอาจกำลังสงสัยว่า รถยนต์แต่ละประเภทที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ทั้ง ICE, HEV, PHEV และ BEV มีความแตกต่างกันอย่างไร และระบบการทำงานของแต่ละแบบนั้นเป็นอย่างไร บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับการทำงานของรถยนต์แต่ละแบบอย่างละเอียด

ICE – Internal Combustion Engine (เครื่องยนต์สันดาปภายใน)

เครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือ Internal Combustion Engine (ICE) คือเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงภายในเครื่องยนต์ เช่น เบนซินหรือดีเซล พลังงานที่ได้จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงจะเกิดการระเบิดในกระบอกสูบ ซึ่งจะทำให้เกิดแรงดันที่เคลื่อนลูกสูบและสร้างพลังงานกล ส่งผ่านไปยังเพลาขับเพื่อขับเคลื่อนรถยนต์

การใช้งาน ICE เป็นที่นิยมมานาน เนื่องจากเชื้อเพลิงมีการจัดจำหน่ายอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของเครื่องยนต์แบบ ICE คือการปล่อยมลพิษและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, ค่าใช้จ่ายในการเติมพลังงานที่สูง อัตราเร่งที่ด้อยกว่ารถยนต์ประเภทอื่น ๆ

HEV – Hybrid Electric Vehicle (รถยนต์ไฮบริด)

รถยนต์ไฮบริด หรือ Hybrid Electric Vehicle (HEV) เป็นรถยนต์ที่ผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และมอเตอร์ไฟฟ้า ในรถยนต์ HEV จะมีการติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดเล็กเพื่อรองรับการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งจะทำงานเสริมกับเครื่องยนต์ในขณะที่รถอยู่ในสถานะที่ไม่ต้องการอัตราเร่งมากนัก เช่น การขับขี่ในเมืองหรือการจอดติดไฟแดง

การทำงานของรถ HEV จะสลับกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งช่วยให้ประหยัดน้ำมันและลดมลพิษ รถยนต์ไฮบริดจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดพลังงานและยังคงใช้เชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม ซึ่งยังคงหาปั๊มน้ำมันได้สะดวกเหมือนรถยนต์สันดาปทั่วไป

PHEV – Plug-in Hybrid Electric Vehicle (รถยนต์ไฮบริดแบบชาร์จไฟได้)

รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด หรือ Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) มีความพิเศษมากกว่ารถ HEV ตรงที่สามารถชาร์จไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่จากภายนอกได้โดยการเสียบปลั๊ก พลังงานที่ได้จะถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่กว่า HEV ทำให้สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนๆ ขับขี่ได้ในระยะทางที่ยาวขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้นในเมืองโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องยนต์เชื้อเพลิงเลย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วรถยนต์ PHEV จะสามารถวิ่งได้ด้วยโหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวตั้งแต่ 50 – 200 กิโลเมตร

เมื่อพลังงานในแบตเตอรี่หมด ระบบจะเปลี่ยนกลับมาใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในอัตโนมัติ ทำให้รถยนต์ PHEV มีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้งานได้ทั้งพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน ถือว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการลดการใช้เชื้อเพลิงและยังต้องการความสะดวกสบายในการเดินทางไกล

BEV – Battery Electric Vehicle (รถยนต์ไฟฟ้า)

รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ หรือ BEV เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในการขับเคลื่อน ไม่มีการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันเชื้อเพลิงใดๆ เลย ระบบการทำงานของ BEV จะอาศัยมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ชาร์จไฟจากภายนอก แบตเตอรี่จะเก็บพลังงานที่จำเป็นสำหรับการขับเคลื่อน โดยพลังงานไฟฟ้าจะถูกส่งไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนล้อรถยนต์โดยตรง

Tesla Model 3 รุ่นปรับโฉมใหม่

ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) คือการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขณะขับขี่ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเติมพลังงาน และอัตราเร่งที่มักจะดีกว่ารถยนต์ทั้ง 3 ประเภทที่กล่าวมา แต่ข้อจำกัดของ BEV คือระยะทางการขับขี่ที่อาจสั้นกว่ารถยนต์ ICE หรือ PHEV ในบางรุ่น และระยะเวลาในการชาร์จไฟที่อาจใช้เวลานานกว่าการเติมน้ำมัน รวมถึงปัญหาเรื่องสถานีชาร์จที่ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางไกล อย่างไรก็ตามรถยนต์ไฟฟ้ากลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเติมพลังงานที่ต่ำ รวมถึงอัตราเร่งที่ดีเยี่ยมและความเงียบของมอเตอร์ไฟฟ้า

ความแตกต่างของการใช้งานในรถยนต์แต่ละประเภท

เมื่อเข้าใจการทำงานของรถยนต์ทั้งสี่ประเภทแล้ว เราสามารถสรุปความแตกต่างและข้อดีข้อเสียของแต่ละประเภทได้ดังนี้:

  • ICE เหมาะกับผู้ที่ยังต้องการความสะดวกในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จไฟฟ้าที่บ้านหรือที่ทำงาน
  • HEV เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดน้ำมันและลดการปล่อยมลพิษ โดยไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่จากภายนอก
  • PHEV เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในระยะทางใกล้ๆ และยังคงมีความสะดวกจากการใช้เชื้อเพลิงในการเดินทางระยะไกล
  • BEV เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดการปล่อยมลพิษและใช้พลังงานสะอาดเต็มรูปแบบ แต่ต้องพิจารณาเรื่องระยะทางและโครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จที่เพียงพอ

การพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่การลดมลพิษและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รถยนต์แต่ละประเภท ทั้ง ICE, HEV, PHEV และ BEV ต่างมีจุดเด่นและข้อจำกัดเฉพาะตัว ดังนั้น การเลือกใช้รถยนต์แต่ละแบบขึ้นอยู่กับการใช้งานในชีวิตประจำวัน งบประมาณ และความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ที่คุณอยู่

บทความที่น่าสนใจ

ไม่น่าเชื่อ “รถสีดำ” มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากกว่า “รถสีขาว” ถึง 12 เปอร์เซ็นต์

Nopkung

ซื้อ “รถไฮบริดมือสอง” หมดประกัน ควรระวังจุดไหนเป็นพิเศษ !!

Nopkung

Pirelli พัฒนายางฉลาดล้ำ ฝังเซนเซอร์บอกข้อมูลสภาพถนนผ่านเครือข่าย 5G

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy