แผนการของรัฐบาลในการเปิดตัวโปรแกรมแลกเปลี่ยนรถยนต์เพื่อกระตุ้นการขายรถยนต์ภายในประเทศได้รับความเห็นที่ไม่แน่ใจจากผู้ผลิตรถยนต์และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม โดยหลายฝ่ายเห็นว่าแผนการนี้อาจจะไม่เพียงพอและต้องการมาตรการใหม่ ๆ เพื่อยุติการชะลอตัวของตลาดที่ยืดเยื้อ
การเปิดงาน Thailand International Motor Expo ที่เริ่มต้นในวันศุกร์นี้ ได้รับการกล่าวถึงแผนการของ กระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การนำของ นายอัคนาท พรหมพันธุ์ ที่ยอมรับถึงความวิตกกังวลของผู้ผลิตรถยนต์ที่พบกับการตกต่ำของยอดขายในประเทศ โดยนายอัคนากล่าวว่า แผนการแลกเปลี่ยนรถยนต์จะช่วยกระตุ้นความต้องการในตลาดยานยนต์ในประเทศ แต่ยังคงต้องรอรายละเอียดของแผนการ ซึ่งคาดว่าจะมีการสรุปในเร็ว ๆ นี้
สมาคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) ได้ปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ภายในประเทศในปี 2024 ลงมาเหลือ 1.5 ล้านคัน จากเป้าหมายเดิมที่ 1.7 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2021 เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในตลาดภายในประเทศยังคงอ่อนแอ โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายรถยนต์ทั้งหมด (ทั้งแบบปกติและ EV) ลดลงถึง 26.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เหตุผลหลักมาจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารเนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูง
นอกจากนี้ยังมีการลดลงของการส่งออกยานยนต์ในช่วงต้นปีถึงตุลาคม ส่งผลให้ FTI ปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ลงอีก โดยยอดการผลิตลดลง 19.2% มาอยู่ที่ 1.24 ล้านคัน
ในขณะที่ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (JSCCIB) ได้เสนอแนะให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุน 5,000 ล้านบาทเพื่อให้สินเชื่อแก่ผู้ซื้อรถกระบะ โดยเชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของกลุ่มผู้บริโภคได้ และจะช่วยรักษาการจ้างงานของแรงงานในอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนกว่า 800,000 คน ซึ่งมากกว่า 80% ของชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยเป็นการประกอบรถกระบะ
มาตรการที่ควรมีเพื่อฟื้นฟูตลาดรถยนต์
หลายฝ่ายเชื่อว่าแผนการแลกเปลี่ยนรถยนต์ที่รัฐบาลเสนออาจไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูตลาดรถยนต์ในประเทศที่กำลังตกต่ำ พวกเขาเสนอให้มีมาตรการใหม่ ๆ ที่จะกระตุ้นการซื้อรถยนต์ เช่น การลดภาษีที่เกี่ยวข้อง หรือการเสริมสร้างความสามารถในการเข้าถึงสินเชื่อ เพื่อเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภคและฟื้นฟูการผลิตรถยนต์ในประเทศให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง
ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยยังคงมีความท้าทายจากหลายปัจจัยทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่งอาจต้องการมาตรการที่หลากหลายเพื่อช่วยฟื้นฟูการเติบโตในระยะยาว
แหล่งที่มา : bangkokpost