fbpx

4 วิธีตรวจเช็คทำไมแอร์รถไม่เย็นฉ่ำสู้ลมร้อน

เคยมีคนบอกว่าประเทศไทยเรามี 3 ฤดูร้อน คือ ร้อนปกติ  ร้อนมาก และร้อนมากที่สุด กอปรกับช่วงนี้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นสัญญาณที่บอกให้เราเตรียมตัวรับมือกับการใช้ชีวิตท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวที่กำลังมาเยือน หลายท่านอาจหลบร้อนไปเดินเที่ยวตามห้างสรรพสินค้า หรือทะเลกัน แต่ท่านที่ต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลาและพึ่งพารถยนต์ “แอร์รถยนต์” จึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่คุณควรหมั่นตรวจเช็ค เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เตาอบขณะเดินทาง เพื่อคุณภาพการใช้ชีวิตบนท้องถนนที่ดีกว่า เวลาจะเดินทางไปไหนมาไหน เราก็อยากจะขับหรือนั่งรถไปบนรถที่แอร์เย็นฉ่ำ แต่ถ้าต้องมาเจอกับปัญหาแอร์ไม่เย็น สู้ความร้อนไม่ได้ โดยปกติแล้วรถที่ระบบปรับความเย็นหรือแอร์มีปัญหานั้น มักจะเกิดขึ้นกับรถที่ผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่ง หรือประมาณ 3 ปีขึ้นไป กรณีรถที่คุณใช้อยู่ขาดการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง ดังนั้นทั้งผู้ขับและผู้โดยสารจึงต้องหันมาศึกษาทำความเข้าใจและหาวิธีป้องกันปัญหานี้ กับ 4 วิธีตรวจเช็คแอร์ในรถสู้ลมร้อน

  • น้ำยาแอร์ไม่เต็มระบบ หรือน้ำยาขาด เป็นสาเหตุหลักส่วนใหญ่ที่ผู้ขับขี่มักพบเจอ เกิดจากปริมาณน้ำยาที่ส่งจากคอมเพรสเซอร์เพิ่มแรงดันเข้าสู่แผงคอยล์เย็นมีปริมาณน้อย น้ำยาจึงเข้าไปดูดจับความร้อนภายในห้องโดยสารได้น้อย ส่งผลให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารสูง ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ ทั้งผู้ขับขี่ไม่หมั่นตรวจสอบเช็คระดับน้ำยา หรือการรั่วซึมของระบบ การแก้ปัญหาในกรณีนี้คือ การนำรถไปที่ศูนย์บริการแอร์รถยนต์ ให้ช่างเติมน้ำยาพร้อมทั้งตรวจเช็คน้ำมันคอมเพรสเซอร์
  • ระบบระบายความร้อน ในระบบปรับอากาศของรถยนต์เกิดจากการทำงานของแผงคอยล์ร้อนระบายความร้อนทำงานได้ไม่เพียงพอ หรือพัดลมหน้าคอยล์ร้อนไม่ทำงาน ทำให้น้ำยาแอร์ที่ออกมาจากคอมเพรสเซอร์ไม่มีการระบายความร้อน น้ำยาแอร์ที่ส่งเข้าคอยล์เย็นจึงมีอุณหภูมิสูง ซึ่งเป็นสาเหตุของแอร์ไม่เย็น หรือจะเย็นก็ต่อเมื่อมีการเคลื่อนที่ของรถ เพราะมีลมเข้าไปช่วยระบายความร้อน แต่เมื่อรถจอดนิ่งคอยล์ร้อนก็จะไม่สามารถระบายความร้อนได้ ทำให้แอร์ไม่เย็น เพราะฉะนั้นตรวจเช็คการทำงานของพัดลม ถ้าไม่หมุนหรือหมุนแต่มีเสียงดัง แนะนำให้ปรึกษาช่างเพื่อทำการตรวจเช็คหรือเปลี่ยนพัดลมคอยล์ร้อนใหม่
  • ชุดวาล์วและดรายเออร์อุดตัน ทำให้น้ำยาแอร์ที่ฉีดออกจากคอมเพรสเซอร์ผ่านเข้าไปในคอยล์เย็นได้ไม่สะดวก ปริมาณน้ำยาแอร์จึงไม่เพียงพอที่จะไปดูดจับความร้อนภายในห้องโดยสาร ในขณะที่สตาร์ทเครื่องยนต์เดินเบา แอร์จะเย็นไม่มากและมีเสียงดังบริเวณตู้แอร์ แต่เมื่อเร่งเครื่องแล้วแอร์จะเย็น แสดงว่าเกิดการอุดตันของวาล์วหรือดรายเออร์ วิธีแก้ปัญหาคือเปลี่ยนชุดวาล์วและดรายเออร์ใหม่ ทั้งนี้ควรจะเปลี่ยนพร้อมกันทั้งสองอย่าง เพราะดรายเออร์ทำหน้าที่กรองสิ่งสกปรกจากน้ำยาแอร์ เมื่อวาล์วแอร์อุดตันก็แสดงว่าดรายเออร์ชำรุดแล้ว
  • สายพานหย่อน การทำงานของคอมเพรสเซอร์จะใช้สายพานเป็นตัวนำกำลังจากเครื่องยนต์เป็นตัวขับเคลื่อน เมื่อคอมเพรสเซอร์ทำงานสายพานที่รับกำลังจากเครื่องยนต์เพื่อมาฉุดคอมเพรสเซอร์นั้นจะเกิดอาการฟรี ไม่มีกำลังมาฉุดคอมเพรสเซอร์ให้ทำงานได้ สังเกตได้เมื่อคอมเพรสเซอร์ทำงานจะมีเสียงสายพานดังขึ้นมาด้วย การแก้ปัญหาคือการปรับตั้งความตึงของสายพานให้เหมาะสม หรือถ้าสายพานมีรอยแตกร้าว ให้เปลี่ยนใหม่ทันที

จะเห็นได้ว่าสาเหตุหลักๆ มาจากรถยนต์ขาดการดูแลและตรวจเช็คสภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าร้อน ไม่ควรจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน เพราะความร้อนจะเข้าไปสะสมในห้องโดยสาร ส่งผลให้อุปกรณ์ภายในรถเสื่อมสภาพและมีอายุการใช้งานสั้นลง แต่ในกรณีที่ต้องจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน พยายามรักษาอุณหภูมิภายในและภายนอกให้ใกล้เคียงกัน ใช้วิธีลดกระจกด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร พร้อมเปิด-ปิดประตูรถด้านหน้าและด้านหลังติดต่อกัน 4–5 ครั้ง หรือเปิดประตูรถทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที เพื่อระบายความร้อนที่สะสมอยู่ภายในรถยนต์ออกบ้าง และก่อนถึงที่หมายหรือก่อนดับเครื่องยนต์ควรปิดแอร์ก่อน 2-3 นาที เพื่อให้ตู้แอร์ได้ระบายน้ำออกมาก่อน จะสามารถช่วยลดการอุดตันในระบบได้อีกวิธีอีกด้วย ดูแลรถที่คุณรักให้เย็นฉ่ำตลอดร้อนนี้ และถ้าคุณรักรถเหมือนลูก ให้รู้ใจช่วยดูแลประกันรถคุณเถอะครับ รักรถเต็มหัวใจ ให้ “รู้ใจ” ดูแลรถให้คุณ คลิกเช็คเบี้ยประกันรถฟรี www.roojai.comหรือโทร 02 117 2222


 

บทความที่น่าสนใจ

ทำไมเครื่องยนต์ดีเซล ถึงประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงกว่าเครื่องเบนซิน ?

Nopkung

วิเคราะห์ ทำไมศูนย์บริการถึงให้ “ป้ายแดงปลอม” กับลูกค้าที่ซื้อรถใหม่ ?

Nopkung

ไม่น่าเชื่อ “รถสีดำ” มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากกว่า “รถสีขาว” ถึง 12 เปอร์เซ็นต์

Nopkung

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy