เมื่อปี 2017 ค่ายม้าลำพอง Ferrari ได้ส่งซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่เข้าทำตลาดแทนที่ California T นามว่า Portofino สามปีผ่านไปรถรุ่นดังกล่าวก็ได้ถูกจับมาปรับปรุงเปลี่ยนโฉมใหม่ จนท้ายที่สุดคลอดออกมาเป็น Ferrari Portofino M
การเพิ่มตัวอักษร “M” (ย่อมาจาก “Modificata”) ต่อท้ายนั้นไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นเพียงการปรับโฉม แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการเข้ามาแทนที่ Portofino รุ่นก่อนหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังที่เพิ่มขึ้น 20 แรงม้า ปรับปรุงดีไซน์ภายนอก และเสริมเกียร์ลูกใหม่
ภายนอกของ Portofino M เปลี่ยนแปลงตั้งแต่กันชนหน้าใหม่ ซึ่งถูกออกแบบมารับกับช่องดักอากาศที่ขนาดใหญ่ขึ้น ส่วนกระจังหน้าได้รับการอัพเกรดซี่ใหม่ เช่นเดียวกับซุ้มล้อที่มีการเพิ่มช่องกาศเพื่อลดแรงเสียดทานอากาศโดยรวมลง
ด้านหลังมาพร้อมระบบไอเสียใหม่ ซึ่งตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเหลือที่สำหรับหม้อพักไอเสียเพื่อลดเสียงอีกต่อไป นั่นส่งผลให้กันชนหลังดูปราดเปรียวขึ้นและดูกลมกลืนกับด้านหน้า
ดีไซน์ส่วนใหญ่ของห้องโดยสารยังคงคล้ายเดิม ไม่ว่าจะเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบทัชสกรีนขนาด 10.2 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้านแบบเดียวกับ 812 Superfast และวัสดุภายในอื่นๆ
Portofino M ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ความจุ 3.9 ลิตร ทวินเทอร์โบ ข้อเหวี่ยงแบบ flat-plane ให้กำลังสูงสุด 620 แรงม้า ที่ 5,750 – 7,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 760 นิวตันเมตร ที่ 3,000 – 5,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 สปีดลูกใหม่จาก SF90 Stradale ทำอัตราเร่ง 0-100 กม.ต่อชม. ได้ภายใน 3.45 วินาที และความเร็วสูงสุด 320 กม.ต่อชม.
นอกจากยังมาพร้อมระบบ Side Slip Control (SSC) เจเนอเรชั่นที่ 6 ซึ่งทำงานร่วมกับระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ทั้ง E-Diff, F1-TCS, SCM-E Frs และ FDE
CR : carscoops