fbpx
ส่องคันจริง 2 รถรุ่นพิเศษจาก MINI ในงานมอเตอร์โชว์ 2023

ส่องคันจริง 2 รถรุ่นพิเศษจาก MINI ในงานมอเตอร์โชว์ 2023

มินิ ประเทศไทย มอบประสบการณ์ครบทุกสีสัน ส่ง 2 รถยนต์ไฮไลท์ MINI Cooper S Clubman สี Multitone Red ใหม่ และ MINI John Cooper Works Hatch Classic ใหม่ สีเหลือง Zesty Yellow จัดแสดงในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44

MINI Cooper S Clubman สี Multitone Red ใหม่ ถือเป็นอีกหนึ่งสุดยอดความสำเร็จของรถยนต์ในเซกเมนต์พรีเมียมคอมแพ็คได้เข้ามาเป็นอีกหนึ่งสมาชิกครอบครัว Multitone Edition ที่จะมาร่วมเฉลิมฉลองความหลากหลายของคอมมิวนิตี้คนรักมินิ ผ่านรายละเอียดการออกแบบทั้งภายนอกและภายใน 

สำหรับรถมินิรุ่นนี้ใช้เทคนิคการพ่นสีแบบต่อเนื่องโดยไม่ต้องรอทิ้งช่วงให้แห้ง (wet-on-wet) นวัตกรรมที่รังสรรค์โดยโรงงานมินิในเมืองออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ซึ่งเฉดสีทั้งสามถูกพ่นลงทีละสี ได้แก่ สีแดง Chilli Red ในส่วนด้านหน้า ตามด้วยสีเทา Melting Silver และจบด้วย สีดำ Jet Black ในส่วนท้ายของตัวถัง ก่อนจะลงสีทับด้วยเทคนิคสเปรย์เทค (Spray Tech) ซึ่งเทคนิคนี้อาจส่งผลให้การผสมของสีที่พ่นมีรูปแบบที่แตกต่างกันตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม เพิ่มเอกลักษณ์ให้กับมินิ Multitone Edition แต่ละคันมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ สีของหลังคาที่ตัดกันอย่างชัดเจนและแบ่งสัดส่วนตัวถังเป็น 3 ส่วนตามเอกลักษณ์ของมินิ ยังโดดเด่นสะดุดตาขึ้นอีกขั้นกับตัวถังสีขาว Nanuq White

นอกจากจะสะดุดตาด้วยหลังคาสีแดงไล่เฉดสีสวยงาม ยังโดดเด่นด้วยหลากหลายฟีเจอร์ ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้าทรงกลม LED สำหรับการขับขี่ตอนกลางวัน ไฟท้ายลายยูเนียนแจ็คอันเป็นเอกลักษณ์ ฝาครอบกระจกข้างสีแดง ราวหลังคา และภายนอกตกแต่งด้วยสีดำ Piano Black เพิ่มความพิเศษของรุ่นนี้ไปอีกระดับ มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ลาย Net Spoke สีดำ พร้อมยางรันแฟลต

พวงมาลัยหุ้มหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่น กระจกมองหลังพร้อมฟังก์ชั่นลดแสงสะท้อน (Anti-Dazzle) ยังถูกใส่มาในรถรุ่นนี้ด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบความบันเทิงภายในรถและระบบการสื่อสารอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบนำทาง จอระบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว และ Apple CarPlay 

MINI Cooper S Clubman รุ่น Multitone Red มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350 – 4,600 รอบต่อนาที ทำงานควบคู่ระบบเกียร์ Steptronic Sport 7 สปีดแบบคลัตช์คู่ สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 7.2 วินาที

รถมินิรุ่นนี้ยังยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยเทคโนโลยีการขับขี่สุดล้ำ ทั้งระบบควบคุมการขับขี่ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นเบรก (Cruise Control with Braking Function) ระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Driving Assistant) เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ยิ่งขึ้นด้วยระบบ Dynamic Traction Control (DTC) ที่มาพร้อมระบบ Electronic Differential Lock Control (EDLC) และระบบเบรก ABS ที่ได้รับการติดตั้งเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายและปลอดภัยสูงสุด

MINI John Cooper Works Hatch Classic ใหม่ สีเหลือง Zesty Yellow

MINI John Cooper Works รถสปอร์ตอันดับต้นๆ ของเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมขนาดเล็ก ตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้นด้วยสีใหม่สีเหลือง Zesty Yellow สดใส และการดีไซน์แบบใหม่พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันยิ่งขึ้น รวมไปถึงระบบปฏิบัติการใหม่และแพ็คเกจอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะเพิ่มความสนุกในการขับขี่สุดเร้าใจตามแบบฉบับของผู้ขับขี่แต่ละคนได้อย่างเต็มพิกัด

ส่วนหน้าของตัวรถสะดุดตาด้วยไฟหน้าทรงกลมแบบ LED พร้อมไฟสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน และช่องระบาย
ความร้อนทรงหกเหลี่ยม เพิ่มความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตมากยิ่งขึ้น ช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ยังเพิ่มประสิทธิภาพการระบายอุณหภูมิของระบบขับเคลื่อนและระบบเบรกสำหรับการขับขี่แบบสปอร์ตเต็มรูปแบบ กรอบไฟเลี้ยวด้านหน้าและด้านหลังยังมีดิฟฟิวเซอร์ดีไซน์ใหม่ ที่ช่วยให้อากาศไหลผ่านใต้ท้องรถได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ไฟหน้าแบบ Adaptive LED ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่น Matrix ส่องสว่างได้ไกลยิ่งขึ้น การตกแต่งภายนอกด้วยสีดำ Piano Black หลังคาและฝาครอบกระจกข้างสีดำและสีขาว รวมถึงล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว ลาย John Cooper Works Track Spoke สีดำ พร้อมยางรันแฟลต เติมเต็มความโฉบเฉี่ยวของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ คลาสสิก ใหม่ คันนี้ได้อย่างลงตัว

ภายในมาพร้อมแพ็คเกจไฟตกแต่ง (Lights Package) หลังคากระจกแบบพาโนรามา พวงมาลัยหุ้มหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่น มากไปกว่านั้น พื้นผิวด้านในของตัวรถยังตกแต่งด้วยสีดำ Piano Black และการบุเบาะนั่งทรงสปอร์ตของ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ด้วยหนัง Dinamica สีดำ Carbon Black โดยสามารถปรับระดับความสูงของเบาะนั่งของผู้โดยสารตอนหน้าได้ 

ขุมพลังมาจากเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2 ลิตร ทำงานควบคู่กับระบบเกียร์ Steptronic Sport 8 สปีด ให้กำลังสูงสุด 231 แรงม้า ที่ 5,200 – 6,200 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 320 นิวตันเมตร ที่ 1,450 ถึง 4,800 รอบต่อนาที และสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.1 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 246 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังมาพร้อมกับช่วงล่าง Adaptive แบบใหม่และโหมดการขับขี่ MINI Driving Modes เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

MINI John Cooper Works Hatch Classic เติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ผ่านความปลอดภัยและการเชื่อมต่ออย่าง
ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมระยะการจอด (Park Distance Control) ที่มาพร้อมเซนเซอร์ด้านหลัง ระบบเบรก ABS และเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ยิ่งขึ้นด้วยระบบ Dynamic Traction Control (DTC) ที่มาพร้อมระบบ Electronic Differential Lock Control (EDLC) นอกจากนี้ ดีไซน์ต่าง ๆ ภายในรถยังได้มีการปรับเปลี่ยนอย่างแผงคอนโซลกับหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว Apple CarPlay และระบบเครื่องเสียง HiFi loudspeaker Harman Kardon 

บทความที่น่าสนใจ

ลือ Bugatti เล็งสร้างรถครอสโอเวอร์สไตล์คูเป้ที่มีขนาดเล็กและเบากว่า Lamborghini Urus

idiot

เผยทีเซอร์ล่าสุด Nissan Juke เจเนอเรชั่นใหม่ ก่อนเปิดตัวจริงวันที่ 3 กันยายนนี้

idiot

เราต้องรอด เพื่อจะได้พบกับ Bugatti ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เขาบอกว่าเปิดตัวทศวรรษนี้แหละ

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy