fbpx
เปิดตัว Ferrari Daytona SP3

เปิดตัว Ferrari Daytona SP3 ไฮเปอร์คาร์สไตล์เรโทร ไฟหน้า Pop-Up ขุมพลัง 829 แรงม้า

Ferrari เปิดตัว Ferrari Daytona SP3 ไฮเปอร์คาร์แบบลิมิเต็ดรุ่นล่าสุด ซึ่งเป็นสมาชิกลำดับที่ 3 ของซีรีส์ Icona ต่อจาก Monza SP1 และ SP2 ที่เปิดตัวในปี 2018 มาพร้อมดีไซน์แนวเรโทร ไฟหน้าแบบ Pop-Up เครื่องยนต์ V12 ให้กำลังระดับ 829 แรงม้า และผลิตจำกัดเพียง 599 คัน

Daytona SP3 ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ชัยชนะ 1-2-3 ของทีมแข่ง Ferrari ในรายการ 24 Hours of Daytona เมื่อปี 1967 ขณะที่ดีไซน์ภายทั้งหมดเกิดมาจากการสร้างสรรค์ของนักออกแบบรถยนต์ชาวอิตาลี Flavio Manzoni และทีมของเขา ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงโค้งมนของ Ferrari P3/4, P330 และ 412P ที่งดงามในยุค 60

ด้านหน้าของ Daytona SP3 โดดเด่นตั้งแต่ดีไซน์ของกันชนที่ถูกหยิบยกมาจาก Ferrari 330 P4 ปี 1967 ในขณะที่จมูกหน้าซึ่งอยู่ต่ำกว่าซุ้มล้อแบบนูนชวนให้นึกถึงรถแข่ง Ferrari ในอดีต เช่นเดียวกับไฟหน้าแบบ LED ที่มี “เปลือกตา” ซึ่งสามารถยืดหดกลับในลักษณะที่ชวนให้นึกถึงไฟหน้าแบบป๊อปอัพสมัยก่อน

ด้านข้างมาพร้อมประตูปีกผีเสื้อที่รวมช่องดักอากาศและพื้นผิวที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Ferrari 512 S กระจกบังลมที่โค้งมนและกระจกที่ซุ้มล้อช่วยให้เกิดรูปลักษณ์ที่แปลกใหม่พร้อมกับช่วยในเรื่องของแอโรไดนามิก และล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านหุ้มด้วยยาง Pirelli P Zero Corsa ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ SP3 Daytona โดยเฉพาะ

บั้นท้ายน่าจะเป็นมุมมองที่น่าทึ่งที่สุดของรถ ซึ่งดูมีกลิ่นอายถึงความย้อนยุคอย่างแท้จริง แถบไฟท้าย LED แนวนอนถูกจัดวางเข้่ากับพื้นผิวที่เรียบกันเป็นชั้นๆ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดเหนือดิฟฟิวเซอร์คาร์บอนไฟเบอร์ และท่อไอเสียทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ที่จะส่งเสียงคำรามอันไพเราะของเครื่องยนต์ V12 ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ฝาครอบแบบโลหะ

Ferrari อ้างว่า Daytona SP3 ถูกพัฒนาให้มี “ประสิทธิภาพด้านแอโรไดนามิกส์แบบพาสซีฟสูงสุด” ในบรรดารุ่นทั้งหมด สิ่งนี้สำเร็จได้ด้วยโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมสำหรับการจัดการการกระจายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพจากส่วนประกอบทางกล พร้อมด้วยการออกแบบที่ชาญฉลาดสำหรับการระบายความร้อนและการสร้างแรงกด

ห้องโดยสารมาพร้อมเบาะนั่งสีสันสดใส ซึ่งถูกรวมเข้ากับการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งในยุค 60 ที่ผู้ขับขี่นั่งบนเบาะที่ติดกับแชสซีโดยตรง ตำแหน่งการขับขี่ยังต่ำและเอียงมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับรถ Ferrari รุ่นอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมาพร้อมมาตรวัดดิจิทัลขนาด 16 นิ้วแบบโค้งที่รวมอินโฟเทนเมนท์ พวงมาลัยดูคล้ายกับ La Ferrari ด้วยปุ่มหมุน manettino และมีปุ่มที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ของรถได้ถึง 80% โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย

Daytona SP3 ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร แบบเอียง 65 องศา ที่มีชื่อรหัสว่า F140HC ให้กำลังสูงสุด 829 แรงม้า ที่ 9,250 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 697 นิวตันเมตร ที่ 7,250 รอบต่อนาที พร้อมระบบจำกัดความเร็วรอบที่ 9,500 รอบต่อนาที กำลังทั้งหมดจะถูกส่งไปยังเพลาล้อหลังผ่านเกียร์คลัตช์คู่เทคโนโลยีรถแข่ง F1 แบบ 7 สปีด พร้อมเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป

ให้อัตราเร่ง 0-100 กม.ต่อชม. ภายใน 2.85 วินาที ต่อเนื่องไปถึง 200 กม.ต่อชม. ภายใน 7.4 วินาที ในขณะที่ความเร็วสูงสุดทำได้มากกว่า 340 กม.ต่อชม. นอกจากนี้ยังเสริมด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ควบคุมอย่าง SSC 6.1 รุ่นล่าสุด พร้อมกับ FDE ระบบควบคุมเสถียรภาพแบบไดนามิก ทำหน้าที่ควบคุมแรงดันเบรกที่คาลิปเปอร์เพื่อควบคุมมุมเอียงของรถในการขับขี่ และโหมด ‘Race’ และ ‘CT-Off’ บนปุ่ม Manettino ที่พวงมาลัย

Ferrari Daytona SP3 จะถูกผลิตจำกัด 599 คัน โดยแต่ละคันมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 2 ล้านยูโร หรือราว 74 ล้านบาท (ไม่รวมภาษี) และที่น่าเสียดายทุกคันได้ถูกจองไปหมดเกลี้ยงแล้ว

บทความที่น่าสนใจ

Lexus เปิดตัว LF-ZC และ LF-ZL คอนเซปต์รถยนต์ BEV เจเนอเรชันใหม่ ก่อนขายจริงปี 2026

Peng

เปิดตัว Ford Ranger รุ่นปรับโฉม ดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต-ดุดัน ราคาเริ่มต้น 669,000 บาท

idiot

พาชมชุดอัพเกรดจาก AC Schnitzer ที่จะเปลี่ยน M240i ให้แรงใกล้เคียง M2

Nopkung

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy