ผ้าชามัวร์ (Chamois) แท้จริงแล้วหมายถึง ผ้าที่ทำมาจากหนังเลียงผา เพื่อใช้ในการทำความสะอาด เนื่องจากมีคุณสมบัติดูดซับน้ำได้ดี และยิ่งพิเศษไปกว่านั้นคือไม่ทิ้งรอยขีดข่วนเมื่อเช็ดหรือถู แต่ปัจจุบันผ้าชามัวร์ที่ทำจากหนังเลียงผาแท้นั้นค่อนข้างหาได้ยาก หรือแทบจะไม่มีให้เห็นเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเลียงผาเป็นสัตว์ที่มีน้อยและหายาก จึงนิยมใช้เป็นแพะและลูกแพะแทน จนปัจจุบันเริ่มมีผู้คิดค้นที่จะนำเอาหนังหมูและแกะมาทำแทน เนื่องจากมีราคาถูกและหาได้ง่าย จนไปถึงการทำผ้าชามัวร์แบบสังเคราะห์ เพื่อรองรับความนิยมที่มากขึ้นของผ้าชามัวร์ แต่จริงๆแล้วผ้าชามัวร์แบ่งออกเป็นกี่ประเภทกันแน่?
หากจะเลือกซื้อผ้าชามัวร์ ต้องรู้จักประเภทและความแตกต่าง โดยแบ่งประเภท ได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ
ประเภทที่ 1 ชามัวร์แท้ ( Chamois genuine )
ทำจากหนังเลียงผา หรือแกะภูเขา ซึมซับน้ำได้เยอะ ผิวนุ่มและไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วนเวลาใช้ แต่มีราคาที่สูงลิบ โดยมีการวัดมาตรฐานอย่าง The British Standard BS 6715: 1991 ข้อสังเกตง่ายๆ ให้มองข้ามผ้าชามัวร์ที่ผืนใหญ่ๆ ไปได้เลย เพราะหนังชามัวร์แท้จะเป็นลักษณะเป็นผื่นสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่มากตามขนาดตัวของเลียงผานั่นเอง
ประเภทที่ 2 ชามัวร์เทียม ( Imitation chamois )
เรียกได้ว่าเป็นทางเลือกของคนที่อยากใช้ของคุณภาพดีแต่ไม่อยากใช้ของแพงจนเกินไป เพราะเนื่องจากชามัวร์แท้นั้นมีราคาที่สูงมากๆ เลยมีการคิดค้นชามัวร์ที่ทำมาจากหนังสัตว์ที่มีลักษณะใกล้เคียงและสามารถซึมซับน้ำได้ดีไม่แพ้กันอย่างหนังหมู หนังแกะ หนังกวาง ซึ่งจะเห็นได้มากตามท้องตลาด โดยจะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับคุณภาพและวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาทำ แต่ข้อควรระวังเลยก็คือ การอ้างสรรพคุณเกินจริง และค้ากำไรเกินควร หนังหมูจะมีประสิทธิภาพดีเท่าหนังแกะ ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จึงขอให้ทุกท่านพิจารณาให้เห็นตามสมควรแก่ราคา
ประเภทที่ 3 ชามัวร์สังเคราะห์ ชามัวร์วิทยาศาสตร์
เนื่องจากผ้าชามัวร์เป็นที่นิยม และมีการใช้อย่างแพร่หลาย จึงทำให้อุตสาหกรรมต่างคิดค้นการผลิตผ้าชาร์มัวร์ด้วยวิธีทางวิทยาศาตร์ หรือการสังเคราะห์ โดยปราศจากการเบียดเบียนสัตว์ เพราะนอกจากจะไม่ประทับใจกลุ่มอนุรักษ์นิยมแล้ว การใช้หนังสัตว์ก็ทำให้เกิดข้อจำกัดบางอย่างกับการใช้งานขึ้น อย่างการเก็บรักษาที่ลำบาก และการที่ผลิตออกมาได้ช้า จึงเกิดผ้าช้ามัวร์ที่สังเคราะห์ขึ้น ซึ่งในตอนแรกเป็นการนำผ้าก๊อตมาชุบยางพารา ซับน้ำได้แต่ดูดผิดพื้นเกินไปทำให้เช็ดแล้วสะดุดไม่ลื่นนัก จึงมีการคิดค้นและพัฒนาต่อเรื่อยๆ ทำให้มีผ้าชามัวร์สังเคราะห์ผลิตออกมามากมายตามท้องตลาด หลากหลายสูตร และ ราคาแตกต่างกันออกไป
ผ้าชามัวร์ไม่ได้มีประโยชน์แค่เช็ดรถยนต์
สำหรับความนิยมในการใช้ผ้าชามัวร์ที่มีอยู่มากนั้น อาจจะเป็นเพราะลักษณะพิเศษที่สามารถซับน้ำได้ดี และไม่ทิ้งรอย แต่ด้วยหนังแท้ที่เวลาเช็ดแล้วมีความฝืดมากคนจึงมักจะนิยมนำมาใช้เพียงชิ้นเล็กๆ เช็ดของขนาดเล็กอย่าง เครื่องประดับ อัญมณี นาฬิกา เลนส์กล้อง แว่นตา ฯลฯ ส่วนหนังชาร์มัวร์วิทยาศาสตร์ผืนใหญ่ๆ นั้น มักนำมาใช้ตามคาร์แคร์ เพื่อเช็ดทำความสะอาดรถ เพราะมีคุณสมบัติที่ทนทาน เก็บรักษาง่าย และราคาถูก
สำหรับแม่บ้านสมัยใหม่ ก็นิยมใช้ผ้าชามัวร์สังเคราะห์ในการเช็ดปัสสาวะของเจ้าหนูน้อย เพียงแค่นำมาเช็ดแล้วนำไปซักน้ำเปล่า บิดให้แห้ง และนำไปเช็ดอีกครั้งก็สะอาดหมดจด หรือจะนำไปใช้ในการทำความสะอาดส่วนต่างๆ ของบ้าน เช่น เช็ด-ล้างห้องน้ำ ทำให้ห้องน้ำที่เพิ่งล้าง แห้งสนิทพร้อมใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องรอแห้ง
นอกจากนี้ยังนิยมใช้กันในกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์อีกด้วย เช่น สุนัข หรือนำมาใช้กับร้านที่รับบริการอาบน้ำสัตว์เลี้ยงมากขึ้น โดยนำมาใช้เป็นผ้าเช็ดตัวสำหรับสัตว์เลี้ยง เพราะคุณสมบัติเด่นเลยคือดูดซับน้ำได้ดี ใช้เวลาไวในการเช็ด แป๊บเดียวก็แห้งสนิท ประหยัดเวลาอีกทั้งยังสะอาดไม่ก่อให้เกิดแบคทีเรียเหมือนใช้ผ้าขนหนู ทำให้สัตว์เลี้ยงไม่เป็นโรคผิวหนังเพราะความอับชื้น
วิธีการเก็บรักษา
ก่อนนำมาใช้ให้นำผ้าชามัวร์จุ่มน้ำเปล่า แล้วบิดให้หมาด จึงจะนำไปเช็ดสิ่งของ หรือ สิ่งสกปรกต่างๆ ได้ โดยที่ผ้าต้องไม่แข็ง เมื่อใช้เสร็จ ต้องซักด้วยน้ำเปล่าเท่านั้น แต่หากสกปรกมากๆ ก็ใช้แชมพูล้างรถ หรือ สบู่อ่อนๆ ล้างได้ โดยห้ามใช้ผงซักฝอกเป็นอันขาด เนื่องจากทำให้เส้นใยพัง และผ้าแข็ง หลังจากทำความสะอาดหลังการใช้ให้นำมาบิดหมาดและเก็บใส่กล่องเพื่อรักษาความชื้น ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยไม่ขึ้นรา