fbpx

นิสสันและฮอนด้าจับมือร่วมมือกันเพื่อเข้าสู่การแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้าหวังไล่ตาม Tesla ด้วย SDVs

นิสสันและฮอนด้าได้ประกาศการร่วมมือกันอีกครั้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่อไล่ตามความสำเร็จของ Tesla และผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นซอร์ฟแวร์รายอื่นๆ

หลังจากยืนยันแผนการร่วมมือในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นิสสันและฮอนด้าได้ประกาศข้อตกลงใหม่ในการออกแบบและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า โดยทั้งสองบริษัทจะทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยมุ่งเน้นที่การพัฒนารถยนต์ที่ใช้ซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า SDVs (Software-Defined Vehicles )

เช่นเดียวกับคู่แข่งอื่นๆ นิสสันและฮอนด้าเชื่อว่าซอฟต์แวร์ (รวมทั้ง ระบบการขับขี่อัตโนมัติ และปัญญาประดิษฐ์ (AI)) จะเป็นตัวกำหนดมูลค่าของรถยนต์ในอนาคต พวกเขามองว่าเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้จะเป็นปัจจัยในการแข่งขันของการผลิตรถในยุคต่อไป ซึ่งทางนิสสันและฮอนด้า ได้วางแผนที่จะออกแบบ และพัฒนาเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม SDV รุ่นต่อไป โดยในปีหน้าพวกเขาจะทำการวิจัยพื้นฐานให้เสร็จสิ้น และมันจะต้องสามารถผลิตออกมาในสเกลใหญ่ให้ได้ นอกจากนี้นิสสันและฮอนด้ากำลังซุ่มพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ และ e-Axles เพื่อใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตของพวกเขาอีกด้วย

ในงานแถลงข่าวของมิตซูบิชิในช่วงที่ผ่านมา ทางบริษัทฯ ได้ประกาศว่าจะเข้าร่วมการพัฒนารถไฟฟ้ากับอีกทั้งสองบริษัทข้างต้นด้วย โดย มาโกโตะ อุชิดะ ซีอีโอของนิสสันได้กล่าวว่า “มิตซูบิชินั้นมีทั้งเทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่พวกเราต้องเรียนรู้ และตอนนี้พวกเขากำลังร่วมมือกับพวกเราในฐานะพันธมิตร”  ทางด้านคุณทาคาโอะ คาโต้ ซีอีโอของมิตซูบิชิเองก็ได้อธิบายว่า “การร่วมมือกับพันธมิตรนั้นเป็นสิ่งสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นในปัจจุบัน โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีอื่นๆ กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว” เป็นการยืนยันได้ว่าตอนนี้สามยักษ์ใหญ่จากแดนปลาดิบ กำลังร่วมมือกันอย่างหนักเพื่อเอาชนะศึกที่พวกเขากำลังพ่ายแพ้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะในช่วงที่ผ่านมานั้น ญี่ปุ่นเป็นชาติที่ล้าหลังที่สุดในการผลิตรถไฟฟ้าที่กำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ความร่วมมือระหว่างนิสสัน ฮอนด้า และมิตซูบิชิ เกิดขึ้นขณะที่ Tesla และผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนอย่าง BYD ที่กำลังขยายตัวในตลาดสำคัญทั่วโลก รวมถึงญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศแม่ และเป็นแหล่งซื้อขายรถที่สำคัญที่สุด ทำให้จำนวนการนำเข้ารถยนต์ในญี่ปุ่นนั้นลดลงถึง 7% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 แต่ในทางกลับกัน การนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ากลับเพิ่มขึ้น 17% โดยมี BYD นำหน้าด้วยการนำเข้าเพิ่มขึ้น 184% จากปีที่แล้ว ตามข้อมูลจากสมาคมผู้นำเข้ารถยนต์ญี่ปุ่น และยังขยายตัวไปถึง ไทย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย บราซิล และเม็กซิโก ซึ่งก็เป็นตลาดหลักของทั้งสามบริษัทเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ BYD ยังคงลดราคาลง ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต่างประเทศแข่งขันได้ยาก โดยอุตสาหกรรมรถญี่ปุ่นไม่ใช่กลุ่มเดียวที่ต้องการไล่ตาม  Tesla และ BYD ผู้ผลิตรถยนต์อเมริกันเช่น Ford ก็ได้ประกาศแผนการที่คล้ายกัน

Ford กำลังพัฒนาระบบแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดที่มีซอฟต์แวร์เป็นหัวใจสำคัญเช่นเดียวกับ Tesla โดย จิม ฟาร์ลี่ย์ ซีอีโอของ Ford ได้ย้ำหลายครั้งว่า Tesla และผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนนั้นเป็น “คู่แข่งที่แท้จริง” ซึ่งเราก็ต้องมารอดูกันว่าพวกเขาจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมายืนหยัดในตลาดรถยนต์ได้อีกครั้งหรือไม่

 

Cr.electrek

บทความที่น่าสนใจ

2024 Toyota Hilux GR Sport II อัพเกรดรูปลักษณ์ ยกช่วงล่างเสริมยางออฟโรด แล้วลุย!

idiot

Nissan ส่งโปรโมชั่น “โปรดี 5 ฟรี” มอบความมั่นใจ ตลอดการเดินทางฤดูฝน

idiot

ลือ! Toyota GR Corolla อาจมาพร้อมขุมพลัง 296 แรงม้า และระบบขับเคลื่อน AWD

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy