Nissan จัดทัพรถยนต์ไฟฟ้าร่วมหนุนศึก “ยูฟ่าแชมเปี้
สำหรับปีนี้ ถือเป็นฤดูกาลที่ 5 ในฐานะบริษัทรถยนต์ที่เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ในการแข่งขันกีฬาประจำปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก Nissan มีความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงคุณภาพอากาศ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในกรุงมาดริด ที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ด้วยการให้บริการรถยนต์ไร้มลพิษจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน
ในปีนี้นอกจากรถยนต์ไฟฟ้าที่ให้บริการของนิสสันแล้ว ยังมีรถแข่ง Nissan Leaf NISMO RC 2.0 ที่ใช้เชิญถ้วยรางวัลชนะเลิศ UEFA Champions League โดยโรแบร์โต คาร์ลอส ตำนานฟุตบอลชาวบราซิล ที่เดินทางจากยูฟ่าแชมเปี้ยน เฟสติวัล ในปูเอร์ต้า เดล โซล (Puerta del Sol) ไปยังเอสตาดิโอ เมโทรโปลิตาโน (Estadio Metropolitano)
แกเร็ธ ดันส์มอร์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายสื่อสารการตลาด, การให้บริการเชื่อมต่อรถยนต์ และประสบการณ์ลูกค้า นิสสัน ยุโรป (Gareth Dunsmore, Divisional General Manager of Marketing Communications, Connected Car Services, Customer Experience – Nissan Europe) กล่าวว่า “แชมเปี้ยนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศนี้และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของนิสสัน เป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบเพราะทั้งคู่มอบความตื่นเต้นและความยอดเยี่ยมที่สุด เราตื่นเต้นที่ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสกับการเดินทางที่ไร้มลพิษบนท้องถนนในกรุงมาดริด ซึ่งเป็นเมืองที่โดดเด่นเรื่องการปฏิวัติในรถยนต์ไฟฟ้ามาโดยตลอด”
สำหรับกรุงมาดริด ประเทศสเปน ไม่อนุญาตให้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซินแบบเก่าวิ่งในบางส่วนของเขตเมือง เพื่อลดความแออัดและมลภาวะ โดยมีเขตปลอดมลพิษใหม่ครอบคลุมพื้นที่ 472 เฮกตาร์ (1,166 เอเคอร์) ซึ่งหมายความว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินที่จดทะเบียนก่อนปี พ.ศ. 2543 และดีเซลที่จดทะเบียนก่อนปี พ.ศ. 2549 จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่นี้ นอกจากรถยนต์เหล่านี้ใช้โดยผู้อยู่อาศัยในพื้นที่หรือปฏิบัติตามข้อยกเว้นอื่นๆ มีเพียงรถยนต์ที่ไร้มลพิษเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ขับขี่ในย่านใจกลางเมือง และกรุงมาดริดได้ติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 110 เครื่อง เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าอีกด้วย
เพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว ในช่วงการแข่งขัน UEFA Champions League รอบชิงชนะเลิศ ที่ผ่านมา Nissan ได้เพิ่มเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอีก 36 เครื่องทั่วเมือง และจะนำไปใช้ในสเปนต่อไปหลังการแข่งขันจบ
สำหรับ Nissan Leaf ยังคงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก โดยมียอดขายทั่วโลกมากกว่า 410,000 คัน และยอดขายในยุโรปที่โดดเด่นด้วยจำนวนถึง 41,589 คัน ในปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา