fbpx
Mercedes-Benz อวดโฉมรถไฟฟ้าต้นแบบ EQA พร้อมเปิดตัวรถแรงตระกูล AMG ในงาน Motor Expo 2018

Mercedes-Benz อวดโฉมรถไฟฟ้าต้นแบบ EQA พร้อมเปิดตัวรถแรงตระกูล AMG ในงาน Motor Expo 2018

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมส่งรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ EQA จากต่างประเทศ พร้อมเปิดตัวยนตรกรรม 2 รุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ AMG ได้แก่ CLS 53 4MATIC+ และ Mercedes-AMG GT S รวมถึงยนตรกรรมรุ่นอื่นๆ จัดแสดงในงาน Motor Expo 2018

ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปในปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้แบ่งโซนการจัดแสดงรถยนต์ออกเป็น 4 โซน ครอบคลุมรถยนต์ทั้งในกลุ่ม Compact Car, Contemporary Luxury, Dream Car และ SUV รวมถึงแบรนด์รถยนต์หรูระดับอัลตร้า ลักชัวรี อย่าง เมอร์เซเดส-มายบัค รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยมอย่างเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และแบรนด์เทคโนโลยีกับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด อย่าง EQ Power เพื่อแสดงให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด

เริ่มจาก Mercedes-Benz Concept EQA รถยนต์ต้นแบบที่จะแสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์อีคิวที่จะถูกนำมาใช้ในรถยนต์กลุ่มคอมแพค ด้วยระบบขับเคลื่อนซึ่งมีมอเตอร์ไฟฟ้าหนึ่งชุดที่เพลาหน้า และอีกหนึ่งชุดที่เพลาท้าย ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ให้กำลังสูงสุดกว่า 200 กิโลวัตต์ โดยสไตล์การ ขับขี่ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ ผ่านการปรับการทำงานของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เพื่อให้แบ่งกำลังไปยังล้อหน้า และล้อหลังในรูปแบบที่แตกต่างกัน

โดยคอนเซ็ปท์ อีคิวเอ คือผลจากการนำปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity มาตีความใหม่ พร้อมกับขับเคลื่อนแนวคิด Modern Luxury ให้พัฒนาสู่ความเป็น Progressive Luxury โดยลบองค์ประกอบที่เป็นสัน และเส้นออกไป และก้าวสู่ความบริสุทธิ์หมดจดในอีกระดับ สัดส่วนที่น่าตื่นตารวมถึงพื้นผิวที่ราบลื่นไร้รอยต่อ เมื่อผสานกับกราฟิกเร้าอารมณ์ที่เกิดจากการใช้แผงด้านหลังแบบไฮเทคสีดำ บ่งบอกถึงความเป็นที่สุดของการออกแบบที่โดดเด่น ทำให้รถยนต์คันนี้ดูมีเสน่ห์อย่างแท้จริง นอกจากนี้รถยนต์คันนี้ได้เพิ่มความสวยงามภายนอก ด้วยเทคโนโลยี ไฟส่องสว่างที่โดดเด่นด้วยเลเซอร์ไฟเบอร์ โดยที่ตัวกลางซึ่งถูกกระตุ้นด้วยแสงเลเซอร์ได้ถูกฝังไว้ในแกนกลางของเคเบิ้ลใยแก้ว ไฟรูปทรงขดเกลียวเล็กๆ สวยสะดุดตาช่วยเน้นย้ำแนวคิดของรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งด้วยการออกแบบที่ชวนให้นึกถึงขดลวดทองแดงในมอเตอร์ไฟฟ้า และภาพการเคลื่อนไหวที่ให้มโนภาพถึงการเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟ้า

มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ได้เพิ่มกำลังขับเคลื่อนมากขึ้นกว่า 200 กิโลวัตต์ ด้วยผลของระบบแบตเตอรี่แบบเพิ่มขยายส่วนประกอบได้ ตลอดจนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาที่ให้สมรรถนะอันปราดเปรียวอย่างน่าประทับใจ โหมดการขับขี่ 2 รูปแบบ คือ “Sport” และ “Sport Plus” ปรับเปลี่ยนแรงบิดที่ส่งไปยังล้อหน้า และล้อหลังในอัตราที่แตกต่างกัน จึงเลือกบุคลิกการขับขี่ในแต่ละแบบได้ แผงสีดำบริเวณตอนหน้าของรถทำหน้าที่เป็นกระจังหน้าแบบเสมือน และจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปตามโหมดการขับขี่ที่ใช้ โดยในโหมด “Sport” กระจังจะแสดงภาพปีกติดเปลวเพลิงในแนวนอน ส่วนในโหมด “Sport Plus” ภาพที่แสดงจะเป็นเส้นขีดแนวตั้งรูปกระจังหน้าในแบบแพนอเมริกาน่า

ด้วยโหมดการทำงานแบบอัจฉริยะของเมอร์เซเดส-เบนซ์ รถต้นแบบ คอนเซ็ปท์ อีคิวเอ สามารถวิ่งได้เป็นระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ที่ติดตั้งเอาไว้ด้วย ซึ่งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนประสิทธิภาพสูงนี้ เป็นแบบเซลล์กระเป๋า (Pouch Cell) ที่ผลิตขึ้นโดยบริษัทย่อยของเดมเลอร์ คือ บริษัท ดอยท์ช แอคคิวโมทิฟ ซึ่งผลจากการออกแบบในแบบโมดูลาร์ ทำให้ระบบแบตเตอรี่ชนิดนี้มีความจุรวมเฉพาะรุ่นมากกว่า60 kWh

คอนเซ็ปท์ อีคิวเอ สามารถชาร์จไฟฟ้าผ่านการเหนี่ยวนําแม่เหล็กไฟฟ้า (Induction) หรือ วอลล์บ็อกซ์ และยังรองรับการชาร์จเร็ว (Rapid Charging) อีกด้วย ในส่วนของวิสัยทัศน์ด้านการใช้บริการสถานีประจุไฟฟ้าสาธารณะจะเป็นการมุ่งสู่ การชาร์จที่ราบรื่นไร้ปัญหาติดขัด โดยบริการที่ใช้ระบบ Mercedes me นี้ จะทำให้การชาร์จ และการจ่ายค่าบริการในสถานีประจุไฟฟ้าแห่งต่างๆ เป็นเรื่องที่แสนง่ายดาย

ถัดมา Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+  รถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีตระกูล 53 คือผลลัพธ์ของการผสมผสานเครื่องยนต์ที่ให้กำลัง 320 กิโลวัตต์ (435 แรงม้า) กับรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต และอัตราการใช้พลังงานที่เยี่ยมยอด รถยนต์ตระกูลนี้มีระบบอีคิวบูสท์ (EQ Boost) ที่สามารถเสริมกำลังให้เครื่องยนต์ได้ ถึง 16 กิโลวัตต์ รองรับการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดถึง 250 นิวตันเมตร รวมถึงสามารถ สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ ระบบอีคิวบูสท์เป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษ อีกทั้งยังเป็นระบบที่เป็นตัวกลางช่วยประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับระบบเกียร์ด้วย

เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีพัฒนาไดสตาร์ทนี้รวมไปถึงระบบประจุไฟฟ้าที่ทำงานโดยใช้คอมเพรสเซอร์ช่วยที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า (electric auxiliary compressor) และระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์สำหรับท่อไอเสียเพื่อเพิ่มความสนุกในการขับขี่ ยกระดับชื่อเสียงของแบรนด์เอเอ็มจีในฐานะแบรนด์รถยนต์สมรรถนะสูง ลดอัตราการใช้พลังงาน และลดการปล่อยไอเสีย

สำหรับดีไซน์ภายนอกของรถยนต์รุ่นนี้ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบแผงบังคับลมคู่สีเงินชุบโครเมี่ยม วัสดุเก็บขอบด้านข้างแบบพิเศษ กระโปรงหลังรูปแบบใหม่ล่าสุดที่สอดรับกับปลายท่อไอเสียทรงกลมทำให้ดูโดดเด่นสะดุดตา ท่อไอเสียแบบ AMG Sports exhaust system, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 20” พร้อมเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ที่มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าระบบไฟหน้า LEDมาตรฐาน (ที่มีหลอดไฟ LED 19 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1โคม) เช่น ระบบไฟส่องสว่าง ขณะขับผ่านสี่แยกหรือวงเวียน ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเมือง และระบบไฟส่องสว่างสำหรับสภาวะอากาศเลวร้าย รวมถึงหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

ภายในห้องโดยสารติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษที่เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะให้หรูหรา หลากหลาย และเข้ากับรถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นใหม่ เพิ่มเติมความสะดวกสบายด้วยแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานร่วมกับ MB Audio 20 พร้อม Touchpad และ Controller ที่ผู้ขับขี่จะสามารถปรับแต่งการแสดงผลของแผงหน้าปัดได้ 3 รูปแบบได้แก่ “Classic” “Sport” และ “Progressive” อีกทั้งยังสามารถเลือกแสดงข้อมูลต่างๆ ได้เพิ่มเติมตามต้องการอีกด้วย โดยผู้ขับขี่ยังจะสามารถควบคุมรถด้วยพวงมาลัยแบบพิเศษ AMG Performance Steering Wheel ที่เพิ่มความกระชับและมั่นใจตลอดการขับขี่ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มสุนทรียภาพของการเดินทางด้วยระบบไฟในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system

และ Mercedes-AMG GT S น้องใหม่ ในตระกูล AMG GT ที่ได้รับการพัฒนาทั้งด้านเครื่องยนต์  ระบบเบรก ระบบกันสะเทือน ตลอดจนดีไซน์ทั้งภายในและภายนอก เป็นสปอร์ตตัวล่าสุดจากเมอร์เซเดส

ดีไซน์ภายนอก โดดเด่นด้วยการออกแบบฝากระโปรงหน้าแบบ jet wing ที่แสดงให้เห็นถึงความกว้าง ปราดเปรียว ดูลู่ขนานไปกับพื้นถนน กระจังหน้าแบบเอเอ็มจี สอดรับกับฝากระโปรงหน้ายาวและทรงพลัง ช่องรับอากาศที่กว้าง ช่วยให้อากาศไหลผ่านเข้าสู่ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ได้ดียิ่งขึ้น โดยรถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว ล้อหลังขนาด 20 นิ้ว ระบบไฟหน้าแบบ LED High Performance โครงสร้างตัวรถน้ำหนักเบาแบบspaceframe ผลิตจากอลูมิเนียม แม็กนีเซียม และเหล็กกล้า ซึ่งทำให้ตัวรถมีศูนย์ถ่วงที่ต่ำ นอกจากนี้ยังมีเหล็กคานขวางอลูมิเนียมที่ช่วยปกป้องขณะพลิกคว่ำและยังมีวัสดุดูดซับเสียงรบกวนเพิ่มเติมอีกด้วย

ดีไซน์ภายใน ตกแต่งเบาะหนัง Nappa ที่อยู่ต่ำเพื่อช่วยโอบล้อมผู้ขับขี่ให้รู้สึกราวกับอยู่ในรถแข่ง, พวงมาลัย AMG Performance Steering wheel หรือสามารถสร้างความโดดเด่นให้มากยิ่งขึ้นด้วยชุดเบาะแบบเอเอ็มจีที่สามารถปกป้องร่างกายของผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้มากขึ้นด้วยพนักพิงหลังที่มีความโค้งและเสริมด้วยวัสดุเพื่อความนุ่มสบายที่ด้านข้างมากกว่าเบาะที่นั่งแบบมาตรฐาน เพิ่มความสปอร์ตแต่หรูหรา ด้วยวัสดุโครเมียมสีเงินบนคอนโซลกลาง ช่องแอร์ และที่พักแขน แผงหน้าปัดกว้าง ทำให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกราวกับถูกโอบล้อมด้วยปีกนก และห้องโดยสารที่สามารถเปลี่ยนสีได้หลากหลายเพื่อเพิ่มสุนทรียะในการขับขี่

ความปลอดภัยและเทคโนโลยีของ Mercedes-AMG GT S มีระบบ AMG RIDE CONTROL (เอเอ็มจีไรด์คอนโทรล) ด้วยการใช้โครงสร้างปีกนกสองชั้นเพื่อรักษาสมดุลของล้อ และติดสปริงไว้ด้านบน ระบบการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT  5 โหมด Comfort, Sport, Sport+, RACE และ Individual ประกอบกับระบบเกียร์ AMG SPEEDSHIFT DCT 7-Speed Sport transmission ที่ใช้ระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์สั้นลงโดยเฉพาะเกียร์ 3-7 รองรับการขับขี่สไตล์สปอร์ตด้วยการติดตั้งปุ่มชิฟท์เกียร์สีเงินที่พวงมาลัยเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์แมนนวลได้อย่างสนุกสนาน

นอกเหนือจากรถยนต์รุ่นใหม่แล้ว ทุกท่านยังจะได้พบกับทัพยนตรกรรมรุ่นอื่นๆ อีกกว่า 26 รุ่น ครบครันในทุกเซ็กเมนต์ ทั้งแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และเมอร์เซเดส-มายบัค รวมถึงแบรนด์เทคโนโลยี EQ Power และข้อเสนอพิเศษสุดมากมายเพื่อเป็นการขอบคุณแก่ลูกค้า อาทิ รับดอกเบี้ย 0% นาน 4 ปี เมื่อซื้อรถยนต์ Mercedes-Benz GLC 250 d 4MATIC ทั้งรุ่น AMG Dynamic และ OFF-ROAD หรือเข้าร่วมโปรแกรม mySTAR SPECIAL ผ่อน 1% ของราคารถ เมื่อซื้อรถยนต์รุ่นอื่นๆ รวมถึงทางบริษัทฯ ยังเตรียมมอบ iPhone XS Max 256 GB มูลค่า 49,900 บาท (สินค้ามีจำนวนจำกัด) สำหรับลูกค้าที่รับรถเมอร์เซเดสเบนซ์ รุ่นที่ร่วมรายการ อย่างCLA 200 Urban, CLA 250 AMG Dynamic, E 350 e Avantgarde, E 350 e Exclusive, E 350 e AMG Dynamic, GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD และ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic ในระหว่างวันที่ 13 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2561 อีกด้วย

บทความที่น่าสนใจ

เมื่อกระจังหน้าไตคู่ไซส์ยักษ์จากค่าย BMW ไปอยู่บนใบหน้าของรถกระบะจะเข้าท่ามั้ย

idiot

เทียบหมัดต่อหมัด BYD Sealion 6 DM-i Premium กับ Honda CR-V e:HEV RS

Nopkung

นิสสัน อริยะ ครอสโอเวอร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบของค่าย เปิดตัวคันจริงแล้วในญี่ปุ่น

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy