ไม่น่าเชื่อว่าแบรนด์รถซูเปอร์คาร์ระดับตำนานอย่าง Lamborghini หรือค่ายกระทิงดุจะเดินทางมาถึงปีที่ 60 นับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทนับตั้งแต่ปี 1963 และไม่น่าเชื่อว่าสำนักใหญ่และโรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกที่สร้างขึ้นเมื่อ 60 ปีก่อนนั้นยังคงใช้งานอยู่จนถึงทุกวันนี้
เรามาดูวิวัฒนาการของ Lamborghini กันว่าตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
1963-1973 ยุคบุกเบิกของ Lamborghini
ช่วงปี 1963 ถึงปี 1973 ถือได้ว่าเป็นช่วงบุกเบิกของค่ายกระทิงดุ โดยในช่วงนี้มีการเปิดตัวรถสปอร์ตในตำนานอย่าง Lamborghini 350 GT และรถที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรถ Supercars คันแรกของโลกอย่าง Lamborghini Miura ซึ่งในช่วงนี้ Ferruccio Lamborghini ชายผู้ก่อตั้งแบรนด์กระทิงดุมีส่วนร่วมในการพัฒนารถอย่างเต็มตัว
โดยโรงงานในช่วงนี้มีกำลังการผลิตเพิ่มจาก 67 Lamborghinis ในปี 1965 และเพิ่มขึ้นเป็น 425 คันในปี 1971 ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงที่ Lamborghini เติบโตอย่างก้าวกระโดด
1974 Ferruccio Lamborghini ตัดสินใจขายบริษัท
ในช่วงนี้ถือได้ว่าเป็นช่วงที่ Lamborghini ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก โดยในปี 1973 ได้เกิดวิกฤตการณ์การเงินครั้งใหญ่ของโลก รวมถึงวิกฤตราคาน้ำมันพุ่งสูง ส่งผลให้ไม่สามารถขายรถได้อย่างที่ควร ทำให้ Ferruccio ตัดสินใจขายบริษัทให้กับกลุ่มทุนใหม่ โดยในช่วงนี้ทางบริษัทได้ผลิตรถซูเปอร์คาร์อย่าง Countach รวมถึงรถสปอร์ตอย่าง Jalpa และรถออฟโรดสมรรถนะสูง LM002
1987 Chrysler เข้าครอบครอง Lamborghini
ต่อมาในปี 1987 บริษัท Chrysler ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน เข้ามาเป็นผู้ควบคุมทิศทางของ Lamborghini และได้มีการเปิดตัวรถซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่อย่าง Diablo แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของบริษัทจะยังไม่สู้ดีนัก
1998 Volkswagen AG เข้าซื้อกิจการ และก้าวสู่บริษัทผู้ผลิตรถซูเปอร์คาร์ชั้นนำ
ในปี 1998 Volkswagen AG ได้เข้าซื้อกิจการของ Lamborghini ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาแห่งการปรับปรุงให้แบรนด์มีความทันสมัยและเติบโตมากยิ่งขึ้น และได้มีการเปิดโชว์รูม Lamborghini Centro Stile ในอีก 5 ปีต่อมา เพื่อจัดแสดงรถ Lamborghini รุ่นคลาสสิก ซึ่งในช่วงนี้เองได้มีการขยายโรงงานให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับจำนวนการผลิตที่ราวๆ 1,300 คันต่อปี และมีพนักงานทำงานในโรงงานแห่งนี้มากถึง 624 คนด้วยกัน
2008 ขยายโรงงานใหม่ให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น
10 ปีหลังจากที่ทาง Volkswagen ได้เข้ามาซื้อกิจการ พวกเขาได้ตัดสินใจอัปเกรดโรงงานของพวกเขาให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีการสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่ใช้สร้างตัวถังของรถนั่นเอง โดยในช่วงนี้โรงงานของพวกเขามีกำลังการผลิตอยู่ที่ราวๆ 2,000 คันต่อปี
2018 ขยายโรงงานอีกครั้ง สำหรับสร้าง SUPER SUV รุ่นใหม่อย่าง Urus
ในปี 2018 ทางค่ายกระทิงดุได้เผยโฉมรถ SUPER SUV รุ่นแรกของแบรนด์อย่าง Urus ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆและทำยอดขายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ และขึ้นแท่นเป็นรถรุ่นที่ขายดีที่สุดของ Lamborghini จนทำให้ทางบริษัทจำเป็นต้องขยายโรงงานใหม่จนมีขนาดอยู่ที่ 160,000 ตารางเมตร มีขนาดที่ใหญ่กว่าโรงงานดั้งเดิมในปี 1963 ถึง 13 เท่าตัวด้วยกัน ซึ่งสามารถผลิตรถยนต์ได้ถึง 9,000 คัน และมีพนักงานมากถึง 2,000 คน
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : motor1.com