Ford ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานกว่า 120 ปี และพวกเขาถือเป็นผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยการนำระบบ “สายพานการผลิต” เข้ามาใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถผลิตรถยนต์ได้เป็นจำนวนมาก โดยในปัจจุบันฟอร์ดได้ทำกิจการในประเทศทั่วโลกมากถึง 77 ประเทศ ซึ่งถือเป็นบริษัทรถยนต์ชั้นแนวหน้าของโลก
แต่ล่าสุดฟอร์ดได้ออกมายอมรับว่า พวกเขามีแผนที่จะลดการลงทุนรวมถึงลดกำลังการผลิตรถยนต์ในประเทศจีน เนื่องจากไม่สามารถต่อสู้กับ “สงครามราคา” รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีน ที่แทบทุกบริษัทในประเทศจีนต่างลดราคาเพื่อจูงใจลูกค้า โดยฟอร์ดจะหันไปมุ่งเน้นที่กลุ่มรถยนต์เพื่อการพานิชย์ และรถยนต์ในภาคการขนส่งเป็นหลัก
Jim Farley ซีอีโอของ Ford ได้กล่าวว่า “หากฟอร์ดที่จะลงทุนในตลาดรถยนต์ EV ในประเทศจีน ก็ไม่มีการรับประกันหรือไม่มีข้อมูลใดๆ ที่บ่งบอกว่าฟอร์ดจะสามารถเอาชนะพวกเขา และในความเป็น แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าทุกยี่ห้ออย่าง BYD และ Tesla, Great Wall, SAIC และ Changan ต่างหากที่เป็นผู้ชนะ”
นอกจากนี้เขายังได้กล่าวอีกว่า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกหลากหลายแบรนด์สูญเสียยอดขายให้กับคู่แข่งในประเทศจีนที่นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกกว่าหรือดีกว่า โดย Volkswagen, Mercedes-Benz, General Motors และ Volkswagen ต่างประกาศที่จะทุ่มเงินลงไปเพิ่ม เพื่อดังส่วนแบ่งการตลาดกลับคืนมา แต่ฟอร์ดวางแผนที่จะใช้แนวทางที่แตกต่างออกไป Farley กล่าว
โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Ford ประสบปัญหายอดขายตกต่ำในประเทศจีน และมียอดขายลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งถึงแม้ว่าฟอร์ดจะมีโรงงานที่ร่วมลงทุนกับบริษัทรถยนต์ของจีนมากถึง 8 แห่งในประเทศ แต่ล่าสุดพวกเขาได้ออกมาประกาศเลิกจ้างพนักงานเป็นจำนวนมากถึง 1,300 คน
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : ft.com