ฟอร์ด ประเทศไทย ผนึกกำลังพนักงานฟอร์ดจากโรงงานฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด (เอฟทีเอ็ม) และออโต้ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (เอเอที) ในจังหวัดระยอง ได้ใช้โรงงานเอฟทีเอ็มเป็นฐานการปฏิบัติงานเพื่อร่วมกันผลิตหน้ากากป้องกันใบหน้า (Face shields) เพื่อบุคลากรทางการแพทย์ รับมือ COVID-19 โดยการผลิตเริ่มต้นขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเริ่มส่งมอบให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
เบื้องต้น ฟอร์ดสามารถผลิตหน้ากากป้องกันใบหน้าได้จำนวน 2,000 ชิ้นต่อวัน และตั้งเป้าผลิตหน้ากากอีกอย่างน้อย 10,000 ชิ้น เพื่อส่งมอบให้กับหน่วยงานทางการแพทย์ผ่านช่องทางของกระทรวงสาธารณสุขภายในสัปดาห์นี้ และจะมอบหน้ากากที่จะผลิตได้เพิ่มเติมให้แก่ทั้งกระทรวงสาธารณสุข และกระจายไปยังหน่วยงานระดับจังหวัดที่มีความต้องการใช้ผ่านทางผู้แทนจำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศไทย
โครงการผลิตหน้ากากป้องกันใบหน้าในประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของฟอร์ดที่จะสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น รวมถึงประเทศต่างๆ ที่ฟอร์ดดำเนินธุรกิจ เพื่อช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19
ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ฟอร์ดได้ผลิตและส่งมอบหน้ากากป้องกันใบหน้าแล้วกว่า 1 ล้านชิ้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และปัจจุบัน ฟอร์ดสามารถผลิตหน้ากากป้องกันใบหน้าได้ 1 ชิ้นในทุกๆ 10 วินาที
นอกจากนี้ ฟอร์ดได้ร่วมมือกับบริษัท 3M และ จีอี เฮลธ์แคร์ เพิ่มความสามารถในการผลิตอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนให้แก่บุคลกรทางการแพทย์ ซึ่งรวมถึงการร่วมมือกับจีอี เฮลธ์แคร์ ผลิตเครื่องช่วยหายใจ 50,000 เครื่องภายใน 100 วัน และเพิ่มการผลิตให้ได้ 30,000 เครื่องต่อเดือน เพื่อสนองต่อความต้องการในอนาคต
ฟอร์ดยังทำงานร่วมกับ 3M เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องช่วยหายใจแบบใช้อากาศบริสุทธิ์ (PAPR) รุ่นปัจจุบัน และร่วมกันออกแบบเครื่องรุ่นใหม่โดยใช้ชิ้นส่วนที่มีใช้อยู่แล้วในทั้งสองบริษัท เพื่อสนองต่อความต้องการของบุคลากรทางการแพทย์ให้ฉับไวยิ่งขึ้น
ในสหราชอาณาจักร ฟอร์ดกำลังประเมินรายละเอียดต่างๆ ร่วมกับรัฐบาลอังกฤษ เพื่อผลิตเครื่องช่วยหายใจเพิ่มเติม ขณะที่ในประเทศออสเตรเลีย ฟอร์ดกำลังพัฒนาหน้ากากป้องกันใบหน้าจากวัสดุในประเทศเพื่อแจกจ่ายให้แก่บุคลากรทางการแพทย์เช่นกัน
นอกจากนี้ กองทุน ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ซึ่งเป็นหน่วยงานเพื่อสังคมของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ยังได้ประกาศโครงการ COVID-19 โดเนชั่น แมช เปิดโอกาสให้พนักงานและบุคคลทั่วไป ร่วมระดมทุนสนับสนุนองค์กรไม่แสวงผลกำไรและองค์กรเพื่อชุมชนในประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า 20 ประเทศ รวมถึงในประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไว้รัส COVID-19 ในครั้งนี้ด้วย