โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนตุลาคม 2566 ด้วยยอดขาย 58,963 คัน ลดลง 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่รถยนต์นั่งยังเติบโตต่อเนื่องด้วยยอดขาย 22,130 คัน เติบโต 13.7% ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวต่อเนื่องด้วยยอดขาย 36,833 คัน ลดลง 18.4% โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ ปิดยอดขายที่ 22,998 คัน ลดลง 35.1%
ตลาดรถยนต์ตุลาคมชะลอตัวต่อเนื่องที่ 8.8% ด้วยยอดขาย 58,963 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งยังเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 13.7% ด้วยยอดขาย 22,130 คัน เป็นผลมาจากการเติบโตของเซกเมนต์อีโคคาร์ด้วยยอดขาย 16,800 คัน เติบโตขึ้นถึง 20.3% ในขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวต่อเนื่องที่ 18.4% ด้วยยอดขาย 36,833 คัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน หดตัวถึง 35.1% ด้วยยอดขาย 22,998 คัน ปัจจัยหลักเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้อย่างลื่นไหล ผู้บริโภคยังคงชะลอการตัดสินใจซื้ออย่างต่อเนื่องโดยมีอุปสรรคสำคัญก็คือความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากมีความกังวลต่อความสามารถในการผ่อนชำระของผู้รับสินเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกระแสการหมุนเวียนของสินเชื่อเป็นหลัก
ตลาดรถยนต์เดือนพฤศจิกายนมีความหวังฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย ตามฤดูกาลขาย “High season” ซึ่งค่ายรถยนต์ต่างมีแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ พร้อมด้วยแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อหวังกระตุ้นยอดขายและปิดตัวเลขการขายประจำปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” หรือ “Thailand International Motor Expo 2023” ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน- 11 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งลูกค้าจำนวนมากต่างเฝ้ารอรับข้อเสนอพิเศษสุดแห่งปี อย่างไรก็ตามความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเจริญเติบโตของตลาดรถยนต์ทุกเซกเมนท์อย่างปฏิเสธไม่ได้
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนตุลาคม 2566
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 58,963 คัน ลดลง 8.8%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 20,852 คัน ลดลง 18.0% ส่วนแบ่งตลาด 35.4%
- อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,962 คัน ลดลง 22.2% ส่วนแบ่งตลาด 18.6%
- อันดับที่ 3 ฮอนด้า 7,306 คัน เพิ่มขึ้น 23.6% ส่วนแบ่งตลาด 12.4%
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 22,130 คัน เพิ่มขึ้น 13.7%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 7,165 คัน เพิ่มขึ้น 8.3% ส่วนแบ่งตลาด 32.4%
- อันดับที่ 2 ฮอนด้า 3,462 คัน ลดลง 36.5% ส่วนแบ่งตลาด 15.6%
- อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 743 คัน ลดลง 50.1% ส่วนแบ่งตลาด 3.4%
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 36,833 คัน ลดลง 18.4%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 13,687 คัน ลดลง 27.3% ส่วนแบ่งตลาด 37.2%
- อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,962 คัน ลดลง 22.2% ส่วนแบ่งตลาด 29.8%
- อันดับที่ 3 ฮอนด้า 3,844 คัน เพิ่มขึ้น 744.8% ส่วนแบ่งตลาด 10.4%
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)
4. ปริมาณการขาย 22,998 คัน ลดลง 35.1%
- อันดับที่ 1 อีซูซุ 9,725 คัน ลดลง 24.0% ส่วนแบ่งตลาด 42.3%
- อันดับที่ 2 โตโยต้า 9,338 คัน ลดลง 37.8% ส่วนแบ่งตลาด 40.6%
- อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,539 คัน ลดลง 49.7% ส่วนแบ่งตลาด 11.0%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 4,325 คัน โตโยต้า 1,704 คัน – อีซูซุ 1,482 คัน – ฟอร์ด 848 คัน – มิตซูบิชิ 231 คัน – นิสสัน 60 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 18,673 คัน ลดลง 37.9%
- อันดับที่ 1 อีซูซุ 8,243 คัน ลดลง 29.9% ส่วนแบ่งตลาด 44.1%
- อันดับที่ 2 โตโยต้า 7,634 คัน ลดลง 39.3% ส่วนแบ่งตลาด 40.9%
- อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,691 คัน ลดลง 54.6% ส่วนแบ่งตลาด 9.1%