fbpx
Ford Everest

เผยรายละเอียด Ford Everest เจเนอเรชันใหม่ ทั้ง 4 รุ่นย่อย ราคา 1,334,000-1,854,000 บาท

ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยรายละเอียดรุ่นย่อยทั้งหมดของ Ford Everest เจเนอเรชันใหม่ อย่างเป็นทางการ พร้อมให้ทดลองขับและสัมผัสรถคันจริงที่โชว์รูมฟอร์ดทั่วประเทศตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม 2022 เป็นต้นไป

Ford Everest เจเนอเรชันใหม่ มีให้เลือกทั้ง 4 รุ่นย่อย ประกอบด้วย รุ่นเทรนด์ รุ่นสปอร์ต รุ่นไทเทเนียมพลัส 4×2 และรุ่นไทเทเนียมพลัส 4×4 โดยมีรายละเอียดดังนี้

เริ่มต้นด้วยรุ่นเทรนด์ ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว ให้กำลังสูงสุด 170 PS และแรงบิด 405 นิวตันเมตร ผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด โดยมีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ โหมดประหยัด โหมดลากจูง และโหมดทางลื่น

ภายในมาพร้อมแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว และจอสีระบบสัมผัส 10.1 นิ้ว พร้อมระบบ SYNC®4A ที่รองรับทั้ง Apple CarPlay® และ Android Auto™ เบาะนั่งด้านคนขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง วางจำหน่ายในราคา 1,334,000 บาท

ถัดมาคือรุ่นสปอร์ต ตกแต่งแนวสปอร์ตด้วยรายละเอียดสีดำเงาบริเวณมือจับประตู และโลโก้ EVEREST บนฝากระโปรงหน้า โดดเด่นด้วยไฟท้าย LED ที่เป็นเอกลักษณ์ ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี

ห้องโดยสารภายในเรียบหรู ตกแต่งด้วยเบาะนั่งสีดำลายสปอร์ตที่ปรับได้ 8 ทิศทางทั้งเบาะคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า มีช่องต่อ USB ที่กระจกมองหลังสำหรับติดกล้อง และอีก 4 ตำแหน่งบริเวณคอนโซลหน้า และเบาะแถวที่ 2 พร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว ที่ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด วางจำหน่ายในราคา 1,464,000 บาท

รุ่นไทเทเนียมพลัส 4×2 มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดแบบ SelectShift มอบกำลังสูงสุด 210 PS และแรงบิด 500 นิวตันเมตร ภายนอกตกแต่งแบบพรีเมียม โดดเด่นด้วยราวหลังคาและมือจับประตูโครเมียมสีเงิน บันไดข้างสีดำพร้อมชุุดตกแต่งสีเงิน ไปจนถึงหลังคา Panoramic Moonroof อีกทั้งยังมีไฟส่องสว่างข้างตัวรถช่วยให้ทราบตำแหน่งที่จอดรถในยามค่ำคืนได้

ส่วนภายใน บริเวณคอนโซลประกอบไปด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลได้แก่ จอสีขนาด 12.4 นิ้ว และจอสัมผัสขนาด 12 นิ้วพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC®4A ห้องโดยสารได้รับการออกแบบมาให้หรูหราไปอีกขั้น ด้วยไฟตกแต่งภายในห้องโดยสารเพื่อบรรยากาศอันสุนทรีย์ โดยเบาะนั่งแถวที่ 3 พับไฟฟ้าได้เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ ลูกค้าชาร์จอุปกรณ์สื่อสารได้ที่ช่องต่อไฟ 230V ที่คอนโซลกลาง และยังมาพร้อมระบบ Electric Brake Booster ที่รองรับระบบควบคุุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุุนฟรี Traction Control รวมถึงอุปกรณ์ปกป้องความปลอดภัยอีกมากมาย ได้แก่

  • ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go และระบบควบคุมรถให้อยู่กลางช่องทาง (Adaptive Cruise Control with Stop-and-Go and Lane Centering)
  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto high-beam headlamps)
  • ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (Automatic Emergency Braking with Pedestrian Detection)
  • ระบบเดือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning with Brake Support)
  • ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน (Post-Impact Braking)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning)
  • ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด (Blind Spot Information System with Cross-Traffic Alert and Braking)
  • กล้องมองรอบคัน 360 องศา (360-degree camera)
  • ระบบช่วยเบรกขณะถอยหลัง (Reverse Brake Assist)
  • ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive Steer Assist)
  • ระบบตรวจเช็กลมยาง (Tire Pressure Monitoring System)

Ford Everest เจเนอเรชันใหม่ รุ่นไทเทเนียมพลัส 4×2 จำหน่ายในราคา 1,704,000 บาท

สุดท้ายรุ่นไทเทเนียมพลัส 4×4 เป็นรุ่นที่มาพร้อมความสมบุกสมบันครบครัน และความสะดวกสบายเหนือชั้น ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การผจญภัยขั้นสุดด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ E-Shifter 10 สปีด เสริมด้วยระบบ Terrain Management System ที่มอบตัวเลือกการขับขี่ 6 โหมด คือ โหมดปกติ โหมดประหยัด โหมดลากจูง โหมดทางลื่น โหมดโคลน และโหมดทราย พร้อมระบบดิฟล็อคหลังแบบไฟฟ้าเพิ่มความสามารถในการบุกตะลุยในทุกสภาพพื้นผิวได้ดียิ่งขึ้น ไฟหน้า Matrix LED พร้อมระบบปรับมุุมลำแสงไฟอัตโนมัติ และระบบป้องกันไฟรบกวนสายตา มาพร้อมความปลอดภัยอัจฉริยะทั้งระบบควบคุุมความเร็วขณะลงทางชัน (Hill Descent Control) และระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0 (Fully Automated Active Park Assist) พร้อมจำหน่ายในราคา 1,854,000 บาท

Ford Everest เจเนอเรชันใหม่ มีทั้งหมด 6 สีให้เลือก ได้แก่ สีขาว สโนว์เฟลค ไวท์ เพิร์ล สีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิก สีดำ แอบโซลูท แบล็ก สีเทา เมทิออร์ เกรย์ สีน้ำตาล อีควิน็อกซ์ บรอนซ์ และสีส้ม เซโดนา ออเรนจ์ นอกจากนี้ รุ่นสปอร์ต ยังมาพร้อมสีพิเศษ สีน้ำเงิน บลู ไลท์นิ่ง สำหรับรุ่นไทเทเนียมพลัส ห้องโดยสารภายในเพิ่มตัวเลือกพิเศษสีครีมพราลีน โดยมีสีดำ อีโบนีเป็นสีมาตรฐาน

บทความที่น่าสนใจ

BYD ATTO 3 แบตลดฮวบจากระยะที่วิ่งได้ 12 เหลือ 0 กิโลเมตร ภายใน 30 วินาที

Nopkung

Ford สร้างโรงงานแห่งใหม่บนเนื้อที่กว่า 15 ตารางกิโลเมตร สำหรับผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่

Nopkung

Mercedes-Benz Baby G-Class อาจถูกเปิดตัวในปี 2026 บนแพลตฟอร์ม MMA

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy