เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2024 BYD ได้เปิดตัว 2025 Denza D9 MPV รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งมีให้เลือกทั้งรุ่น PHEV และ EV จำนวน 8 รุ่น ราคาเริ่มต้นที่ 339,800 – 469,800 หยวน (46,600 – 64,400 USD) โดยรุ่นใหม่มาพร้อมการอัปเกรดในด้านการตั้งค่าและคุณสมบัติที่ทันสมัย
การออกแบบภายนอก
การออกแบบภายนอกของ 2025 Denza D9 ยังคงรูปลักษณ์เดิม แต่ได้มีการเพิ่มระบบ lidar บนหลังคาเพื่อติดตั้งระบบ “God’s Eye” ของ BYD ซึ่งสนับสนุนฟังก์ชันช่วยนำทางทั้งในเมืองและทางหลวง รวมถึงฟังก์ชันการหยุดเริ่มต้นที่ไฟจราจร การรับรู้เส้นทางที่ไม่ชัดเจน การหลบหลีกสิ่งกีดขวาง และการเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ความเร็ว 120 กม./ชม. ทั้งนี้ รถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมเซ็นเซอร์ทั้งหมด 32 ตัวทั่วทั้งคัน
Denza D9 ยังมาพร้อมกับล้ออัลลอยด์แบบมัลติสโป๊คขนาด 18 นิ้ว และสีใหม่ “Starry Gray” เพิ่มเติมจากสีเดิม ได้แก่ Night Black, Bright White, และ Elegant Blue
เทคโนโลยีและฟีเจอร์
2025 Denza D9 ใช้ระบบควบคุมการสั่นสะเทือนแบบต่อเนื่อง (DiSus-C), เทคโนโลยีควบคุมความสะดวกสบายอัจฉริยะ (iCCT) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้าอัจฉริยะ รวมถึงการอัปเกรดในด้านความสะดวกสบายภายใน เช่น ที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สายสำหรับเบาะที่สองที่มีตัวล็อคเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย
ขนาดและพื้นที่ภายใน
ด้วยขนาดตัวรถที่ยาว 5250 มม. กว้าง 1960 มม. และสูง 1900 มม. พร้อมฐานล้อ 3110 มม. ทำให้มีพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง สามารถรองรับผู้โดยสารสูง 1.80 เมตรได้ถึง 7 คน พร้อมกับกระเป๋าเดินทาง 7 ใบและกระเป๋าเป้ 7 ใบ
สมรรถนะและระบบขับเคลื่อน
รุ่น PHEV ของ Denza D9 ใช้เทคโนโลยี DM รุ่นที่ 5 จาก BYD โดยมีเครื่องยนต์ 1.5T ที่ให้กำลังสูงสุด 115 kW (154 แรงม้า) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน 13 kW (17 แรงม้า) นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) ที่มีกำลังไฟฟ้า 200 kW (268 แรงม้า) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ที่มีกำลังไฟฟ้า 45 kW (60 แรงม้า)
สำหรับแบตเตอรี่ LFP Blade ความจุ 39.938 kWh ในรุ่น PHEV มีระยะทางขับขี่ในโหมดไฟฟ้าบริสุทธิ์ (CLTC) ที่ 200 กม. สำหรับรุ่น FWD และ 190 กม. สำหรับรุ่น AWD ซึ่งมีระยะทางรวมเมื่อเติมน้ำมันและชาร์จไฟเต็มถึง 1,100 กม. และ 1,020 กม. ตามลำดับ
รุ่น EV
รุ่น EV ของ Denza D9 ใช้แพลตฟอร์ม 800V และมีการชาร์จที่รวดเร็วเพียง 15 นาที สามารถเติมไฟได้ถึง 243 กม. และสามารถชาร์จจาก 0% ถึง 80% ภายใน 7 นาที พร้อมแบตเตอรี่ LFP Blade ขนาด 103 kWh ที่ให้ระยะทางขับขี่รวม 620 กม. และ 600 กม. ตามลำดับ
การอัปเกรดภายใน
ภายในห้องโดยสารมีการเพิ่มหน้าจอสัมผัสสำหรับผู้โดยสารข้างเคียง และตู้เย็นในตัวที่สามารถทำความเย็นและให้ความร้อนได้ พร้อมเบาะนั่งชั้นสองที่ออกแบบใหม่เป็นเบาะ zero-gravity และเบาะแถวสามสามารถปรับไฟฟ้าได้
รุ่น 2025 Denza D9 ยังรองรับการเชื่อมต่อหน้าจอได้ถึง 10 จอ รวมถึงหน้าจอควบคุมกลาง แผงหน้าปัด LCD หน้าจอสำหรับผู้โดยสารข้างเคียง และหน้าจอสัมผัสของตู้เย็น
ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและฟีเจอร์ที่ครบครัน 2025 Denza D9 เป็น MPV ที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และสมรรถนะการขับขี่สำหรับครอบครัวในปี 2025.
แหล่งที่มา : carnewschina