fbpx

ลองแล้ว รักเลย!! ฟอร์ด RANGER WildTrak ใหม่ 2.0 ลิตรเทอร์โบคู่ 213 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด!!

กลายเป็นรถกระบะที่ Hot ที่สุดในตลาดรถยนต์บ้านเราแล้วกับ Ford Ranger ใหม่ รุ่น MY18 ที่ทั้งภายนอก ภายใน ฟังก์ชั่นความปลอดภัย และเครื่องยนต์รุ่นใหม่ เกียร์ลูกใหม่ ที่ถูกจัดเต็มมากที่สุดในบรรดารถกระบะบ้านเรา

Ford Ranger ใหม่ รุ่น MY18 นั้นมีให้เลือกทั้งหมด 20 รุ่นย่อย ทั้งตอนเดียว ตอนครึ่ง 4 ประตู 4 ประตูยกสูงขับ 2 และ 4 ประตูขับ 4 ยกสูง เรียกว่ามีมาให้เลือกทุกแบบที่ลูกค้าต้องการเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 3 เครื่องยนต์ คือเครื่องยนต์รุ่นเดิม 2.2 ลิตรดีเซลเทอร์โบ มาคู่กับ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดลูกเดิม และ 2 เครื่องยนต์ใหม่คือ เครื่อง 2.0 ลิตร เทอร์โบเดียว 180 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเครื่อง 2.0 ลิตรเทอร์โบคู่  213 แรงม้า กับเกียร์ลูกใหม่ คือเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ในขณะที่เครื่องยนต์รุ่นใหญ่ยักษ์เดิมขนาด 3.2 ลิตรนั้นเลิกผลิตไปเรียบร้อยแล้ว

www.carvariety.com มีโอกาสไปลองขับ ฟอร์ด RANGER WildTrak ใหม่ ที่จังหวัดเชียงราย จึงขอนำผลการลองขับมาเล่าให้แฟนๆ ได้รับทราบกันเสียหน่อยว่าเจ้ารถกระบะสุด Hot คันนี้ มีข้อดี-ข้อด้อย อย่างไรกันบ้าง

ต้องยอมรับกันว่า ฟอร์ด RANGER ใหม่ นั้นหน้าตาดีที่สุดในตลาดรถกระบะเมืองไทย ยังไม่มีค่ายรถกระบะค่ายใดออกแบบรถออกมาให้ ดุ และ เท่ มากกว่า ฟอร์ด RANGER ใหม่ ได้ในเวลานี้ แม้ว่าโตโยต้าจะเปิดตัว Hilux REVO Rocco ออกสู่ตลาดมาแต่ก็ยัง หล่อ สู้ RANGER ใหม่ ไม่ได้

และเมื่อ ฟอร์ด เปิดตัว ฟอร์ด RANGER ใหม่ รุ่น MY18 ยิ่งเพิ่มความดุดันไปกันใหญ่ โดยเฉพาะในรุ่นท็อปอย่าง ฟอร์ด RANGER WildTrak ใหม่ ที่มีกระจังหน้าใหม่ ,ไฟ Daytime Running ,ไฟตัดหมอก LED ,สปอร์ตบาร์ และราวหลังคา รวมถึงฟังก์ชั่นเรื่องความปลอดภัยใหม่ที่ทำให้ ฟอร์ด RANGER WildTrack ใหม่ ทำให้เจ้ากระบะรุ่นนี้กลายเป็นรถกระบะที่ดูดีไม่น้อย และกลายเป็นที่ใฝ่ฝันของใครหลายคน

เรามาเข้าเรื่องการลองของจริงกันเลยดีกว่าครับว่าเจ้า ฟอร์ด RANGER WildTrak ใหม่ ตัวนี้เมื่อได้ลองขับจริงๆ แล้วเป็นอย่างไร

เราข้ามเรื่องการแตกต่างภายนอกไปเลยแล้วกัน เข้ามาในห้องโดยสาร ยอมรับเลยว่าวัสดุภายในของฟอร์ด RANGER อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ดูเข้าใกล้รถยนต์นั่งเข้าไปมากขึ้นทุกที ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งที่เย็บอย่างปราณีต โดยเฉพาะรุ่น WildTrak ใหม่ นี้มีการเดินด้ายสีส้ม ที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นเอาไว้ด้วย ทำให้ดูมีความเป็นสปอร์ตมากขึ้น

แผงคอนโซลต่างๆ ด้านหน้าดูดีมากทีเดียว จอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว จอเบ้อเริ่ม มองง่าย มีระบบบลูทูธ พร้อมเชื่อมต่อกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ของคุณ แถมยังมีระบบซิงก์ 3 ที่สามารถสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย ทั้งคำสั่งโทรออก ฟังเพลง ได้โดยไม่ต้องละสายตาไปจากถนน แต่เจ้าระบบซิงก์นี้จากการใช้งานแล้วต้องฝึกกันอยู่ไม่น้อยกว่าที่เราจะสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้อย่างที่เราต้องการ และระบบเครื่องเสียงนี้ยังรองรับ Apple Carplay และ Android Auto อีกด้วย ยิ่งทำให้การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเราสามารถเชื่อมต่อกับระบบเครื่องเสียงภายในรถได้อย่างสมบูรณ์ทีเดียว

แต่ความเด่นของระบบซิงก์ 3 ไม่ใช่แค่เรื่องการสั่งงานด้วยเสียงเท่านั้นนะครับ แต่ยังมีระบบช่วยโทรฉุกเฉินอัตโนมัติ เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ ระบบซิงก์ จะโทร.ไปยังศูนย์กู้ชีพนเรนทรที่หมายเลข 1669 โดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งส่งตำแหน่งของรถไปยังศูนย์ฯ เพื่อให้รู้ถึงพิกัดรถของเราอีกด้วย

ส่วนพื้นที่ภายในห้องโดยสารนั้นค่อนข้างจะกว้างขวาง ผู้โดยสารตอนหลังสามารถนั่งหลังได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องกังวลในเรื่องของระยะทางไกลๆ กับความเมื่อยล้ากันเลย องศาของพนักพิงเบาะหลังถูกออกแบบให้อยู่ในองศาที่เอนกำลังดีเลยครับ นั่งกันยาวๆ ไป แถมยังมีปลั๊กไฟ 220V และช่องเสียบ Power Outlet มาให้อีกด้วย ยิ่งทำให้ผู้โดยสารตอนหลังสามารถชาร์จไฟกับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ได้ตั้งแต่ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก ไปจนถึง โทรศัพท์เคลื่อนที่กันเลย

ก้าวออกจากตำแหน่งผู้โดยสารตอนหลัง ปีนขึ้นไปยังตำแหน่งคนขับ ผ่านบันไดข้างรถที่ติดมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่นนี้ ทำให้การขึ้นลงรถกระบะยกสูงอย่างนี้เป็นไปได้ง่ายขึ้น

เบาะนั่งโอบกระชับตัวดีครับ ไม่แน่นเกินไปและก็ไม่แข็งจนเกินไป ลองปรับตำแหน่งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นรูปทรงสปอร์ตให้เข้าที่ ตรงกับตำแหน่งที่ถูกต้อง ก็กดปุ่มสตาร์ทกันเลยดีกว่า และทันทีที่เครื่องยนต์สตาร์ท สิ่งแรกที่ทำให้ผมต้องประหลาดใจคือ ความสั่นของเครื่องยนต์ที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ตัวเดิม แถมเสียงเครื่องยนต์ยังเบามากขึ้นด้วย อาจจะเรียกว่า เป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่เครื่องเดินเรียบ และเดินเงียบที่สุดในตลาดรถกระบะบ้านเราแล้ว

ส่วนหนึ่งที่ทำให้เครื่องยนต์ตัวนี้สั่นน้อยลง มาจากฝาครอบเครื่องยนต์ที่ทำโฟมแข็งอัดแน่น ก็ต้องปรบมือให้กับความคิดของวิศวกรฟอร์ดในการแก้ปัญหานี้จริงๆ

สตาร์ทเครื่องแล้ว ออกตัวกันเลยอยากรู้จริงๆ ว่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบคู่ตัวนี้จะเจ๋งแค่ไหน กดคันเร่งกันเลยครับ ตำแหน่งเกียร์อยู่ที่ D ยังไม่เลื่อนลงไปที่ S ที่อยู่ตำแหน่งล่างสุด เพียงแค่เกียร์ D รถก็พุ่งออกตัวไปแบบน่าประทับใจแล้วครับ แรงบิดเครื่องยนต์ที่ 500 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์เพียง 1,800 รอบต่อนาที ทำให้กระบะที่มีน้ำหนักตันกว่าๆ พุ่งออกไปเหมือนกับมีปีกเลยทีเดียว

แถมการออกตัวยังนุ่มนวลแบบที่ไม่กระชากให้เราต้องหน้าหงายด้วย ซึ่งจุดนี้อาจจะไม่ถูกใจคนชอบความแรงแบบซาดิสม์นะครับ แต่หากเป็นผู้ที่ชอบความแรงแบบนุ่มๆ ละก็ถูกใจแน่ครับ ซึ่งจุดนี้แล้วแต่คนชอบละ แต่ถ้าส่วนตัวแล้วผมอยากให้มันกระชากมากกว่านี้หน่อย

อัตราเร่งของเครื่องยนต์ในย่านความเร็วตั้งแต่ย่านความเร็วต่ำ ย่านความเร็วกลาง และย่านความเร็วสูง ทำได้ดีมาก อัตราเร่งต่อเนื่องกันเป็นอย่างดี เผลอแป๊ปเดียวเข็มบอกความเร็วไปชี้ที่ตัวเลข 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว เป็นรถกระบะที่มีอัตราเร่งดีที่สุดแล้วครับ

ส่วนความเร็วสูงสุดทำได้ที่ 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วก็ไม่ไหลต่อแล้วครับ เพราะถูกล็อกความเร็วสูงสุดไว้ที่ระดับนี้ แม้ว่าพละกำลังของเครื่องยนต์จะยังไปได้ไกลกว่านี้ ซึ่งผมถามฝ่ายวิศวกรของฟอร์ด ได้รับคำตอบว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไป และเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ และเกียร์ต้องทำงานหนักเกินไป ประกอบกับความเร็วที่ 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็เป็นความเร็วที่เกินกว่าการใช้งานปกติไปมากแล้ว ก็เลยล็อกความเร็วไว้ตรงจุดนี้

ในการทำงานของเกียร์ D นั้นหากเราต้องการเปลี่ยนเกียร์ให้เป็นแบบแมนนวล ก็สามารถทำได้ด้วยการกดปุ่ม + / – ที่บริเวณด้านข้างของหัวเกียร์ เท่านั้น เพราะ RANGER ใหม่ ยังไม่มีแป้นปรับเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยมาให้เหมือนกับรุ่นพี่อย่าง RAPTOR

แต่การเปลี่ยนเกียร์ด้วยปุ่ม + / – นี้ไม่ค่อยจะสะดวกเท่าไหร่ครับ โดยเกียร์ไม่ค่อยจะลงตามที่เราต้องการเท่าไหร่ แถมต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 วินาทีกว่าเกียร์จะเปลี่ยนตามที่เราสั่งการ

ที่สำคัญหากเรากด + / – ในโหมดเกียร์ D มันจะกลายเป็นคำสั่งการตั้งจำนวนเกียร์ที่เราต้องการใช้ แทนที่จะเป็นการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น-ลง ครับ

หลายคนอาจสงสัยถึงคำสั่งการตั้งจำนวนเกียร์ในฟอร์ด RANGER ใหม่นี้ว่าทำงานอย่างไร ก็ต้องบอกก่อนครับว่า ระบบนี้จะมีเฉพาะรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะเท่านั้น โดยเราสามารถตั้งจำนวนเกียร์ที่เราจะใช้งานได้ว่าเราอยากจะใช้เกียร์ที่สปีด ตั้งแต่ 1 สปีดไปจนถึง 10 สปีด ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของเรา

ถ้าเราต้องการใช้งานในแบบบรรทุก หรือลากจูง ก็สามารถกำหนดเกียร์ที่จะใช้งานไว้ที่ 5 หรือ 6 เกียร์ได้ ด้วยการกดปุ่ม + / – เจ้าปุ่มที่อยู่ตรงหัวเกียร์นั่นแหละครับ เพียงเท่านี้ปัญหาเรื่องการใช้งานบรรทุกหนักก็หมดไปแน่นอน เพราะรอบเครื่องในแต่ละเกียร์จะลากกันไปได้แบบสุดๆ แล้วละทีนี้

แต่ถ้าคุณต้องขับในเส้นทางบนเขาลาดชัน และคดโค้งมากๆ ละก็เปลี่ยนโหมดเกียร์มาเป็น S เลยครับ นอกจากรอบเครื่องยนต์ในแต่ละเกียร์จะสูงขึ้น ทำให้เกิดอัตราเร่งที่ดีขึ้น และในทางกลับกันเราก็ใช้งาน engine brake ได้อย่างที่เราต้องการด้วย แต่ยังมีอีกหนึ่งฟังก์ชั่นของโหมด S ที่แจ่มมาก

นั่นคือฟังก์ชั่นการเปลี่ยนเกียร์ด้วยปุ่ม + / – ในแบบแมนนวลได้แล้ว ซึ่งหากใครต้องการ เล่นเกียร์ ละก็ต้องใช้โหมด S เท่านั้น และการเปลี่ยนเกียร์ด้วยปุ่ม + / – นั้นเกียร์จะปรับลงทีละ 2-3 เกียร์นะครับ ไม่ใช่ลงทีละ 1 เกียร์อย่างที่เราคุ้นเคย เพราะอัตราทดของเกียร์ 10 สปีดนั้นค่อนข้างจะชิดกันมาก ทำให้กล่องสมองกลที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์จะทำหน้าที่ควบคุมตำแหน่งเกียร์ที่เหมาะสมกับความเร็ว และรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมว่าควรจะอยู่ในตำแหน่งใด

ส่วนช่วงล่างของ Ford RANGER WildTrak ใหม่ นั้นค่อนข้างจะนุ่มนวลทีเดียว เหมาะกับการใช้งานในแบบ on road มากๆ เลยทีเดียว นั่งสบายทั้งผู้ขับและผู้โดยสารทีเดียว น่าแปลกใจครับที่ทางฟอร์ด set ช่วงของ ฟอร์ด RANGER WildTrak ใหม่ ออกมาทางนุ่มๆ เน้นไปที่การนั่งโดยสารมากกว่าการบรรทุก

โดยส่วนตัว..ผมชอบนะ กับการ set ช่วงล่างแบบนี้ แม้ว่าจะเป็นรุ่นยกสูง แต่ช่วงล่างไม่กระด้างอะไรมากมาย ก็คงเหมาะกับกลุ่มลูกค้าของ ฟอร์ด RANGER WildTrak ใหม่ ที่น่าจะเน้นการใช้งานแบบนั่งโดยสารไปไหนต่อไหน มากกว่าการใช้งานในแบบบรรทุกของช่วงล่างนุ่มๆ แบบนี้ทำให้ผมนึกถึง เชฟโรเลต โคโลราโด 4 ประตูยกสูงเลยครับที่ set ช่วงล่างออกมาในรูปแบบนี้เหมือนกัน

แต่ช่วงล่างที่นุ่มแบบนี้กลับเกาะถนนหนึบใช้ได้ทีเดียว ไม่มีอาการ “ร่อน” แม้ว่าจะอยู่ในย่านความเร็วสูง แต่หากความเร็วเกิน 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว อาการลอยๆ ก็มีมาให้เห็นอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าความเร็วต่ำกว่านั้นหนึบแน่นใช้ได้เลย เข้าโค้งกันไปแบบเนียนๆ ได้เลย

ยางขอบ 18 นิ้ว ทำหน้าที่เกาะถนนได้ดีจริงๆ แม้ว่าการลองขับครั้งนี้ผมจะใช้แต่ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ แต่เพียงระบบเดียวก็ตาม ถือว่าเป็นรถกระบะยกสูงที่เกาะถนนได้ดีมากรุ่นหนึ่ง นอกจากช่วงล่างจะนิ่งแล้ว พวงมาลัยยัง คม ไม่น้อยทีเดียว เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ แต่หากเป็นโค้งหนักๆ แคบๆ ก็ต้องใช้ฝีมือกันหน่อย ซึ่งเป็นธรรมดาของรถกระบะยกสูง ที่ต้องหักพวงมาลัยกันมากกว่ารถปกติกันเสียหน่อย

ซึ่งโค้งที่เราใช้ลองขับคือ โค้งขึ้นดอยตุงสายเก่า ที่บอกได้เลยว่าโหด!! ใช้ได้เลยครับ ทั้งชัน แคบ โค้งหักศอกพับไปพับมาแบบนับไม่ถ้วน ซึ่งฟอร์ด RANGER WildTrak ใหม่ แสดงศักยภาพของตัวเองในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแรงบิดมหาศาลของเครื่องยนต์ ช่วงล่างที่หนึบแน่น พวงมาลัยที่แม่นยำ กันอย่างเต็มที่ ซึ่งหลังจากที่ขับผ่านเส้นทางนี้ ผมหมดข้อสงสัยกับเจ้า ฟอร์ด RANGER WildTrak ใหม่คันนี้ในเรื่องของการขับขี่แล้วครับ

นอกจากขับดีแล้ว ฟอร์ด RANGER WildTrak ใหม่ ยังใส่ระบบความปลอดภัยแบบไฮเทคมาไม่น้อย และเป็นระบบความปลอดภัยที่สามารถปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้ร่วมเดินทางอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเบรกแบบฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) ระบบนี้จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องและเรดาร์ด้านหน้ารถ ที่จะตรวจจับวัตถุที่อยู่ด้านหน้ารถทั้งคน และยานพาหนะอื่นๆ

เมื่อระบบตรวจพบเจอวัตถุที่อยู่ด้านหน้ารถแล้ว และรถยังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วตั้งแต่ 3.6 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป ไปจนถึงความเร็ว 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยไม่มีการเหยียบเบรก หรือผ่อนคันเร่ง ระบบนี้จะทำหน้าที่เบรกรถจนหยุดนิ่งโดยอัตโนมัติ สุดยอดครับ!! ระบบนี้ผมลองดูแล้วใน station ที่ทางฟอร์ดได้เตรียมสถานการณ์ว่ามีรถตัดหน้า ในขณะที่เราขับที่ความเร็วประมาณ 30 กว่ากิโลเมตร/ชั่วโมง ปรากฏว่ารถเบรกแบบหัวทิ่มเลยทีเดียว

และยังมีระบบช่วงถอยจอดในแบบเทียบข้างทางให้อีกด้วย ซึ่งระบบช่วยถอยจอดนี้ฟอร์ด มีใส่ให้ในรถยนต์นั่งของฟอร์ด อย่างฟอร์ดเฟียสต้าก่อนหน้านี้มาแล้ว ซึ่งระบบนี้เราเพียงแต่ทำตามคำแนะนำที่ขึ้นอยู่ที่หน้าจอเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นหยุด เบรก เหยียบคันเร่ง โดยที่ไม่ต้องจับพวงมาลัยแต่อย่างใด เซ็นเซอร์ที่อยู่ด้านข้างรถทั้งซ้าย และขวา ก็จะทำหน้าที่หมุนพวงมาลัยให้เราโดยอัตโนมัติ

ง่ายดีครับ ระบบนี้น่าจะถูกใจสาวๆ ที่ต้องขับรถความยาว 5 เมตรกว่าๆ แล้วต้องเข้าจอดตามริมถนน หรือจอดแปะตามห้าง จะได้หมดกังวลกันเสียทีว่าช่องว่างที่มีอยู่นั้นพอที่รถกระบะคันนี้จะเข้าจอดได้หรือเปล่า เพราะถ้าเซ็นเซอร์เจอช่องว่างที่พอดีแล้วละก็หมดปัญหาครับ แต่ๆ ระบบนี้มีข้อห้ามอยู่อย่างเดียวครับคือ ห้าม!! เอามือจับพวงมาลัยเด็ดขาด ถ้าจับพวงมาลัยเมื่อใดระบบจะหยุดทำงานทันที

น่าเสียดายที่ระบบนี้ทำได้แค่จอดเลียบข้างเท่านั้น ยังไม่สามารถจอดเข้าซองได้ โดยทางทีมวิศวกรฟอร์ดบอกว่าการจอดเข้าซองง่ายกว่าการจอดเทียบข้าง ก็เลยใส่มาแต่ระบบนี้ อืม ที่จริงน่าจะใส่ระบบช่วยจอดมาให้ครบเลยนะจะได้จบในทีเดียวไปเลย

ระบบที่ผมบอกมานี้ทำให้ ฟอร์ด RANGER WildTrak ใหม่ กลายเป็นรถกระบะที่มีออปชั่นด้านความปลอดภัยที่ทันสมัยที่สุดคันหนึ่ง

และเมื่อมองไปที่สมรรถนะเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ประกอบกันไปด้วยแล้ว กับสนนราคาที่ 1.265 ล้านบาท ถือว่า น่าหลงรักเลยทีเดียว!!


 

บทความที่น่าสนใจ

“The New MU-X Press Trip…หนาวนี้เที่ยวภาคเหนือ” พาสัมผัสหมุดหมายแดนล้านนา เชียงใหม่-เชียงราย

Admin

ลอง!! BYD E6 รถ(ยนต์)ไฟฟ้ามาแล้วนะเธอ

idiot

HAVAL H6 PHEV Ultra (Plug-in Hybrid) 2 พลังขับเคลื่อน…..เดินทางช่วงวันหยุดหายห่วงแน่นอน

Admin

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy