fbpx

คนอเมริกันจำนวนมากติดอยู่ในหนี้สินรถยนต์และพวกเขากำลังเป็นหนี้มากกว่าที่เคย

ข้อมูลล่าสุดจาก Edmunds เผยว่า ผู้ซื้อรถยนต์จำนวนมากในสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับสถานการณ์หนี้สินที่ยากลำบากจากการทำสัญญากู้ซื้อรถยนต์ที่มีมูลค่าลดลงจนไม่สามารถชำระคืนได้เต็มจำนวน โดยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 ผู้ที่ติดอยู่ในหนี้สินจากการเทิร์นรถเก่ากลับพบว่า จำนวนหนี้สินที่มากกว่ามูลค่ารถนั้นสูงที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา โดยผู้ที่ติดหนี้มีค่าเฉลี่ยของ “หนี้สินที่ติดลบ” สูงถึง 6,458 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 11% จากปี 2023 และเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

แม้ว่าสถานการณ์นี้จะไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ซื้อรถทุกราย แต่ก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ที่มีการเทิร์นรถเก่าที่ติดหนี้ โดยข้อมูลจาก Edmunds ระบุว่า 43% ของผู้ซื้อรถใหม่มีการเทิร์นรถเก่าและในจำนวนนี้มากกว่าสามในสี่ของผู้ที่เทิร์นรถเก่านั้นมีสถานะการเงินที่ดี ทั้งในแง่ของการชำระหนี้หมดแล้วหรือมีเงินส่วนเกินจากการเทิร์นรถเก่า (ยอดหนี้น้อยกว่ามูลค่ารถเก่า) แต่ที่น่ากังวลคือ 24% ของผู้ซื้อที่เทรดอินรถเก่านั้นอยู่ในสถานการณ์ “ติดหนี้” โดยมีค่าเฉลี่ยของหนี้สินที่ติดลบอยู่ที่ 6,458 ดอลลาร์

เมื่อเทียบกับข้อมูลในปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโรคระบาด COVID-19 พบว่าในเวลานั้นประมาณ 34% ของผู้ที่เทิร์นรถเก่าก็ยังคงติดหนี้ แต่จำนวนหนี้ที่ติดลบจะน้อยกว่าปัจจุบัน โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5,251 ดอลลาร์ นี่แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของหนี้สินที่หนักหน่วงกว่าที่เคย

สาเหตุที่ทำให้หนี้สินจากการเทิร์นรถเก่าเพิ่มสูงขึ้น

หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้หนี้สินจากการเทิร์นรถยนต์เพิ่มขึ้นคือการที่อายุเฉลี่ยของรถยนต์ที่ถูกเทิร์นมีอายุยาวขึ้นถึง 3.6 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวที่สุดตั้งแต่ช่วงการระบาดของโรค COVID-19 และในขณะเดียวกันระยะเวลาการผ่อนชำระสินเชื่อรถยนต์ใหม่ก็ยาวขึ้นไปถึง 68 เดือนเฉลี่ย ซึ่งเป็นสัญญาณที่สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นทางการเงินที่น้อยลงของผู้บริโภค

นอกจากนี้ ราคาของรถยนต์ใหม่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยมีราคามาตรฐานเฉลี่ยของรถยนต์ใหม่อยู่ที่ 48,397 ดอลลาร์ในเดือนตุลาคม 2024 ซึ่งใกล้เคียงกับราคาสูงสุดที่เคยทำได้ในปี 2022 ในช่วงที่การขาดแคลนรถยนต์เกิดจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานในช่วง COVID-19 ราคาของการผ่อนชำระรถยนต์ใหม่ก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน โดยปัจจุบันการผ่อนชำระรถยนต์ใหม่เฉลี่ยอยู่ที่ 756 ดอลลาร์ ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และยังมีความเกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve)

อุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความท้าทาย

ในช่วงหลังการระบาดของ COVID-19 อุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ ได้รับประโยชน์จากการขายรถยนต์ที่มีราคาสูงขึ้น ซึ่งช่วยให้ผู้ผลิตสามารถทำกำไรได้มากขึ้น แต่สิ่งนี้กลับสร้างปัญหาที่ตามมาในรูปของหนี้สินจากการซื้อรถที่สูงขึ้นเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันรถยนต์ที่มีราคาต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์แทบจะไม่มีขายแล้ว ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่หันไปผลิตรถยนต์ที่มีราคาสูงและมีกำไรมากขึ้น เช่น รถยนต์หรูหรือรถยนต์ขนาดใหญ่

แนวโน้มในอนาคต: ปัญหาหนี้สินอาจลดลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง

แม้ว่าจะมีปัจจัยหลายประการที่ผลักดันให้หนี้สินจากการเทิร์นรถเก่าเพิ่มสูงขึ้น แต่คาดว่าแนวโน้มในอนาคตอาจลดลงหากธนาคารกลางสหรัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการกู้ยืม และหากตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลดการขึ้นราคารถยนต์ในช่วงที่สต็อกสินค้ากลับเข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายก็เริ่มกลับมามอบข้อเสนอและโปรโมชันที่หนักหน่วงอีกครั้งเพื่อดึงดูดผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้บริโภคหลายคนในปัจจุบันคือการรักษารถเก่าไว้ใช้ต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยากลำบากแบบนี้ การซื้อรถใหม่อาจเป็นภาระหนักที่อาจไม่คุ้มค่ากับการลงทุน

คำแนะนำสำหรับผู้บริโภคในยุคนี้
สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาซื้อรถยนต์ใหม่ในขณะนี้ ควรพิจารณาปัจจัยหลายๆ ด้าน เช่น อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อนชำระ และราคาของรถยนต์ ซึ่งในบางกรณีการคงรถเก่าไว้ใช้อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในระยะยาว

แหล่งที่มา : motor1

บทความที่น่าสนใจ

เก่าไปใหม่มา ล่าสุดมีข่าวดีเกี่ยวกับ Lamborghini คันใหม่ ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งแทน Aventador

idiot

2023 Wuling E10 รถ LCV ไฟฟ้าที่นั่งเดี่ยวสุดคิ้วท์จากจีน ขนของก็ได้ขายของก็ดี

idiot

เปิดตัว All New Honda Wave110i รถครอบครัวยอดนิยมที่อัพเกรดเครื่องยนต์ใหม่ เริ่มต้น 36,900 บาท

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy