fbpx

ฟอร์ด มาพร้อมระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ – ระบบตรวจจับคนเดินถนน เพื่อความปลอดภัย ห่างไกลจากอุบัติเหตุ!

ชีวิตที่หมดไปกับการอยู่บนถนนที่แสนจะรถติด อยากมีดวงตาสัก 8 คู่อยู่รอบตัวเพราะต้องคอยระวังทั้งคนข้ามถนน ทั้งคนปั่นจักรยานที่โฉบไปมาแบบไม่รู้ตัว ไหนจะมีมอเตอไซค์ที่ซอกแซกระหว่างเลน สิ่งเหล่านี้คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ที่ซึ่งภาวะประชากรล้นหลามกลายเป็นปัญหาที่กระทบชีวิตประจำวันอย่างจริงจัง และด้วยทั้งคนทั้งยานพาหนะมากมายที่ต่างเบียดเสียดรวมกันอยู่บนถนน อุบัติเหตุที่ตามมาจึงไม่ใช่เรื่องแปลก   

ข้อมูลจากศูนย์อุบัติเหตุ ระบุว่าคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนกว่า 12,927 คน ตั้งแต่ต้นปี 2561 จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2561 เฉลี่ยวันละ 38 คน โดยรถจักรยานยนต์ครองอันดับหนึ่งที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด แสดงให้เห็นว่าถึงเวลาที่เราจะต้องให้ความสำคัญกับการปกป้องชีวิตและความปลอดภัยผู้ใช้รถใช้ถนนให้มากขึ้น พร้อมกับมีตัวช่วยให้คนขับรถสามารถควบคุมการขับขี่ท่ามกลางสภาวะที่ยากลำบากได้ด้วยในเวลาเดียวกัน

ฟอร์ด มีความเข้าใจและพร้อมช่วยเหลือผู้ขับขี่ โดยทั้งฟอร์ด เอเวอเรสต์ ฟอร์ด เรนเจอร์และฟอร์ด มัสแตง มาพร้อมระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pre-Collision Assist uses Inter-Urban Autonomous Emergency Braking หรือ AEB)* ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ขับขี่หลีกเลี่ยงไม่ให้การชนเกิดขึ้น หรืออย่างน้อยก็เพื่อลดความรุนแรงเมื่อเกิดการชนที่ด้านหน้า โดยรูปแบบการใช้งานของระบบขึ้นอยู่กับความเร็วขณะขับขี่ ระบบจะสแกนถนนและทางเดินที่อยู่ข้างหน้าเพื่อคอยดูยานพาหนะและคนที่ผ่านไปมา หากตรวจจับได้ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุรถชน มันจะส่งสัญญาณเตือนไปยังคนขับ หากคนขับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ระบบจะทำงานเพิ่มขึ้นเริ่มตั้งแต่เริ่มชาร์ตระบบเบรก เบรกแบบจำกัด ไปจนถึงเบรกอัตโนมัติแบบเต็มแรง โดยคนขับสามารถควบคุมหรือยกเลิกการทำงานของระบบได้อย่างง่ายดายผ่านพวงมาลัย เบรก และการเหยียบคันเร่ง

“การหยุดรถโดยไม่ระวังอาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ร้ายแรง ดังนั้นการมีระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติจากฟอร์ด ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเตือนให้คุณเห็นถึงปัญหา หรือเตือนตั้งแต่ก่อนที่คุณจะรู้ตัว ถือเป็นตัวช่วยที่สำคัญอย่างมาก”

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าแค่เพียงลดความเร็วยานพาหนะก่อนเกิดการชนก็สามารถลดความรุนแรงของอุบัติเหตุได้อย่างมหาศาล นอกจากนี้ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า คนที่อยู่บนถนนแทบไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลยหากถูกรถที่พุ่งมาด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตร/ชั่วโมงชนเข้า แต่ถ้าหากลดความเร็วลงเหลือ 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง โอกาสรอดชีวิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ และอาจเพิ่มไปถึง 90 เปอร์เซ็นต์หากรถยนต์สามารถลดความเร็วลงมาได้ที่ 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ข้อความจากบรรณาธิการ : เทคโนโลยีเป็นเพียงตัวช่วยในการขับขี่ ไม่ได้มาแทนที่ความสามารถ การตัดสินใจ และความต้องการในการควบคุมยานพาหนะของผู้ขับขี่แต่อย่างใด ระบบอาจไม่ทำงานที่ความเร็วบางระดับ หรือในบางสถานการณ์การขับขี่ ทั้งขึ้นอยู่กับสภาพถนนและสภาพอากาศ


 

บทความที่น่าสนใจ

Mitsubishi Triton รุ่นตัวเตี้ยหน้าใหม่ เผยราคาอย่างเป็นทางการเริ่มต้น 5.35 แสนบาท

Peng

หลุดโบรชัวร์ BMW 4-Series Coupe ที่ประจักษ์แล้วว่ากระจังหน้าไตคู่ไซส์ยักษ์ไม่ใช่แค่เรื่องโจ๊ก

idiot

NISMO เปิดตัวชุดท่อไอเสียสำหรับ Nissan Z เคาะราคา 83,000 บาทในญี่ปุ่น

Nopkung

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy