ช่วงเวลานี้เป็นจังหวะพิเศษที่ Shelby ได้กลับมาสร้างความฮือฮากับความสามารถอันยอดเยี่ยมของรถที่สร้างชื่อเสียงมายาวนาน เพราะ Shelby Mustang GT500 Code Red ได้กลายเป็นรถที่เร็วที่สุดในการแข่งขัน 1/4 ไมล์ โดยสามารถทำเวลา 8.593 วินาทีที่ความเร็ว 161.81 ไมล์ต่อชั่วโมง (260.40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ ทำให้รถยนต์ที่ถือว่าเร็วที่สุดในปัจจุบันอย่าง Demon 170, Tesla Plaid, Lucid Air Sapphire และรถอื่นๆ ต้องหยิบปากกามาบันทึกสูตรความสำเร็จของ Shelby Mustang GT500 Code Red ไว้
หัวใจสำคัญของ Shelby Mustang GT500 Code Red คือเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.2 ลิตร ที่ได้รับการเสริมกำลังด้วยระบบturbocharger จนสามารถสร้างกำลังม้าสูงถึง 1,300 แรงม้า และแรงบิด 1,000 ปอนด์-ฟุต (1,318 พีเอส, 1,356 นิวตัน-เมตร) เมื่อใช้น้ำมัน E85
ด้วยสมรรถนะเหนือระดับเช่นนี้ ทำให้ Shelby Mustang GT500 Code Red กลายเป็นรถที่แรงที่สุดเท่าที่เคยมีในโลก และยังสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องมีใบอนุญาตเทียบเท่านักบิน
แม้แต่เมื่อใช้น้ำมันเบนซิน 93 ออกเทน Shelby Mustang GT500 Code Red ก็ยังสามารถสร้างกำลังม้ากว่า 1,000 แรงม้า และแรงบิด 780 ปอนด์-ฟุต (1,014 พีเอส, 1,058 นิวตัน-เมตร) ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม Shelby Mustang GT500 Code Red จะมีการผลิตจำกัดเพียง 30 คันเท่านั้น โดยแบ่งเป็น 10 คันต่อปีในช่วง 2020-2022 ราคาเริ่มต้นที่ 224,995 ดอลลาร์ สำหรับชุดอัพเกรดเท่านั้น ยังไม่รวมราคารถ Shelby GT500 ซึ่งอยู่ที่ 81,000 ดอลลาร์ หรือ Shelby GT500 King of the Road ที่ราคา 127,000 ดอลลาร์
ด้วยราคาที่สูงมากเช่นนี้ ลูกค้าจะสามารถเลือกได้เพียงสองรายการเท่านั้น คือ ลวดลายแถบสีสไตล์ Le Mans และสีของแถบลวดลาย นอกจากนี้ Shelby Mustang GT500 Code Red ยังมีการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์อย่างแพร่หลาย ตั้งแต่ฝากระโปรงจนถึงชุดปีกหลัง รวมถึงการถอดเบาะนั่งด้านหลังออกและใส่กรอบเข็มขัดนิรภัยแทน นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์พิเศษอื่นๆ เช่น ฝาครอบเครื่องยนต์บิลเลต, เครื่องหมายครบรอบ 60 ปี, สัญลักษณ์ Code Red, ลายแถบ Shelby และแผ่นป้ายหมายเลขเครื่องยนต์และแผงหน้าปัด
ถึงแม้ว่า Shelby Mustang GT500 Code Red จะไม่ได้มีความโดดเด่นด้านการตกแต่งภายนอกมากนัก แต่ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น ทำให้เป็นที่หมายตาของผู้ที่ชื่นชอบรถสมรรถนะสูงอย่างแน่นอน