บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย เปิดตัว “ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ” โชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งเป็นหนึ่งในศูนย์บริการที่สามารถรองรับรถเข้าซ่อมบำรุงได้มากที่สุดของภูมิภาค
หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และการเปิดตัว ลัมโบร์กินี อูรูส ซูเปอร์เอสยูวีเมื่อเดือนพฤศจิกายน ตอกย้ำความถึงมุ่งมั่นที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ลัมโบร์กินีในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
โชว์รูมและศูนย์บริการของลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ ที่ให้บริการครบวงจร ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นพื้นที่ภายในโชว์รูม 465 ตารางเมตร พื้นที่ภายในศูนย์บริการกับคลังอะไหล่ 1,720 ตารางเมตร และพื้นที่สำนักงานกับพื้นที่ใช้สอยเบ็ดเตล็ดอีก 2,538 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในใจกลางย่างธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร บนถนนวิภาวดีรังสิต
นายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “การเป็นเจ้าของรถยนต์ลัมโบร์กินีหมายถึงเอกสิทธิ์ในระดับสูงสุดของการขับขี่ ดังนั้น ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ จึงคัดสรรและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกทำเลที่ตั้ง การออกแบบ การก่อสร้างและการตกแต่ง เพราะการขายและการบริการรถซูเปอร์คาร์ระดับโลกนั้น ต้องมาพร้อมกับมาตรฐานชั้นนำระดับโลก ซึ่งผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับประสบการณ์เสมือนได้รับบริการจากโรงแรงระดับ 6 ดาว รวมถึงการว่อมบำรุงที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานระดับเวิลด์คลาส”
ศูนย์บริการลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ เป็นศูนย์บริการแบบครบวงจรแห่งแรกที่เป็นห้องปิดติดระบบปรับอากาศทั้ง 7 ช่องซ่อม พร้อมให้บริการด้วยอุปกรณ์เครื่องมือที่ครบถ้วน สามารถรองรับรถลัมโบร์กินีได้มากกว่า 1,000 คัน บริการด้วยความใส่ใจตามมาตรฐานคุณภาพระดับโลก ควรค่ากับเจ้าของลัมโบร์กินีผู้ทรงเกียรติพึงได้รับ
นอกจากนี้ ในงานยังได้จัดแสดง ลัมโบร์กินี อเวนทาดอร์ร เอสวีเจ (Lamborghini Aventador SVJ) ให้แฟนพันธุ์แท้ลัมโบร์กินีในเมืองไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก ซึ่งราคาอยู่ที่ 44.5 ล้านบาท
โดย ลัมโบร์กินี อเวนทาดอร์ เอสวีเจ เป็นรถยนต์แบบโปรดักชั่น ที่สามารถทำลายสถิติเวลาต่อรอบเร็วที่สุดในสนามนูเบิร์กริง (ด้วยเวลาเพียง 6.44.94 นาที) ใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร ที่สามารถรีดพละกำลังสูงสุดถึง 770 แรงม้า ช่วยให้ทะยานจาก 0-100 ภายในเวลาเพียง 2.8 วินาทีเท่านั้น
นอกจากสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว SVJ มาพร้อมกับระบบอากาศพลศาสตร์ ALA (Aerodynamica Lamborghini Attiva) 2.0 ที่ถูกพัฒนาให้ทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและประสิทธิภาพในการจัดการอากาศได้ดีกว่ารุ่น อเวนทาดอร์ เอสวีเจ ถึง 40% ส่งผลให้อเวนทาเดอร์ เอววีเจ เป็นกระทิงเปลี่ยวที่ดุดันที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ลัมโบร์กินี
ในส่วนของการตลาด งบลงทุนโชว์รูมและศูนย์บริการลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 180 ล้านบาท ไม่รวมแต่ละหน้าที่ และคาดวาโคต้าภายในปีนี้ที่โชว์รูมคิดไว้ 40 คันต่อรุ่น ส่วนของ Workshop ในแต่ละเดือนราวๆประมาณ 70 – 80 คันต่อเดือน ซึ่งทางโชว์รูมคาดว่าในไทยจะมีการเปิดตัวรถ Super Sport (แต่ตลาดมีความผันผวน อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอด) และจะมีรถลัมโบร์กินีรุ่นใหม่เข้ามาในโชว์รูมนั้นคือ Huracan EVO ซึ่งจะเข้ามาในไทยครึ่งปีหลัง เพราะในครึ่งปีแรกจะถูกส่งมอบไปที่สหรัฐฯ ก่อน