ล่าสุดบริษัท TuSimple ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ ได้ทดสอบระบบ Full Self-Driving หรือระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบในรถบรรทุก และนำไปวิ่งขนส่ง “แตงโม” ระหว่างรัฐ Arizona ไปยัง Oklahoma ซึ่งมีระยะทางมากกว่า 1,500 กิโลเมตร ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก
โดยในระหว่างการเดินทางทั้งหมดกว่า 1,500 กิโลเมตร มีการใช้ระบบ Full Self-Driving มากถึง 80% ของระยะทางทั้งหมด (ราวๆ 1,200 กิโลเมตร) และได้พบว่ารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วกว่าการขับโดยมนุษย์อยู่ถึง 10 ชั่วโมง เนื่องจากรถบรรทุกมีการจำกัดความเร็วทำให้ไม่สามารถใช้ความเร็วสูงได้ และในประเทศสหรัฐอเมริกายังมีกฎหมายที่ระบุว่า ผู้ขับรถบรรทุกจะต้องพักอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ในทุกๆ 6 ชั่วโมงที่ขับรถ ทำให้เสียเวลาในการเดินทางนั่นเอง
โดยการเดินทางด้วยระบบ Full Self-Driving หรือระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ ในรถบรรทุกในครั้งนี้ด้วยระยะทางกว่า 1,500 กิโลเมตร พวกเขาสามารถถึงที่หมายได้ในเวลา 14 ชั่วโมง 6 นาที ซึ่งในเส้นทางเดียวกันนี้หากรถบรรทุกถูกขับโดยมนุษย์จะต้องใช้เวลารวมหยุดพักโดยเฉลี่ยถึง 24 ชั่วโมง หรือ 1 วันเต็มๆ
นอกจากจะลดเวลาในการขนส่งได้แล้ว อีกหนึ่งข้อดีที่สำคัญนั่นก็คือ สินค้ากลุ่มผักและผลไม้ที่เน่าเสียง่าย จะสามารถคงความสดใหม่และส่งถึงห้างร้านได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดย TuSimple ให้เหตุผลว่าสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและร้านค้า เนื่องจากลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อผักและผลไม้ที่มีความสดใหม่มากกว่า และสามารถขายได้ในราคาที่สูงขึ้นนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : startuppakistan.com.pk / techcrunch.com /