บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายและซ่อมบำรุงรถยนต์เฟอร์รารี่อย่างเป็นทางการในประเทศไทย กางแผนธุรกิจระยะ 5 ปีข้างหน้า ผ่านกลยุทธ์เติมเต็มตลาดด้วยสินค้าใหม่ ควบคู่ยกระดับบริการหลังการขาย และศูนย์บริการ พร้อมเปิดตัว “เฟอร์รารี่ 812 ซูเปอร์ฟาสต์” (Ferrari 812 Superfast) ลงถนนเมืองไทยแล้ว
เฟอร์รารี่ 812 ซูเปอร์ฟาสต์ (Ferrari 812 Superfast) ม้าลำพองใหม่ล่าสุดเพิ่งเปิดตัวในงานงานเจนีวามอเตอร์โชว์ครั้งที่ 87 ที่ผ่านมา และบริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด ก็ได้นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย ด้วยจุดเด่นเครื่องยนต์ V12 ทำให้ “เฟอร์รารี่ 812 ซูเปอร์ฟาสต์” เป็นรถเฟอร์รารี่ที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของเฟอร์รารี่อีกด้วย
เฟอร์รารี่ 812 Superfast เปรียบเสมือนการสะท้อนให้เห็นถึงยุคใหม่ของเครื่องยนต์เฟอร์รารี่ 12 สูบ ที่ต่อยอดมาจากรุ่นที่โด่งดังในอดีต เช่นรุ่น F12berlinetta และ F12tdf โดยรถรุ่นใหม่นี้ ได้ถูกพัฒนามาเพื่อลูกค้าที่ชื่นชอบเฟอร์รารี่ ซึ่งต้องการรถยนต์เฟอร์รารี่ที่แรงและพิเศษที่สุด สีตัวถังพิเศษเป็นสีแดง Rosso Settanta ที่ทำขึ้นในโอกาสฉลองครบรอบ 70 ปี และสำหรับเจ้า 812 ซูเปอร์ฟาสต์ สนนราคาค่าตัวอยู่ที่ 31.5 ล้านบาท
Spec Ferrari 812 Superfast
เครื่องยนต์ : V12
ความจุ : 6,496ซีซี
กำลังสูงสุด : 588 กิโลวัตต์ (800 แรงม้า) ที่ 8,500 รตน.
แรงบิดสูงสุด : 718 นิวตัน-เมตร ที่ 7,000 รตน.
น้ำหนักและมิติ
ความยาว : 4,657 มม.
ความกว้าง : 1,971 มม.
ความสูง : 1,276 มม.
น้ำหนักแห้ง : 1,525 กก.
การกระจายน้ำหนัก : 47-53% หน้า/หลัง
สมรรถนะ
ความเร็วสูงสุด : >340 กม./ชม.
0-100 กม./ชม. : 2.9 วินาที
อัตราบริโภคและไอเสีย
อัตราบริโภค : 14.9 ลิตร/100กม.
ไอเสีย CO2 : 340กรัม/กม.
เครื่องยนต์
ด้วยขุมพลัง V12 ความจุ 6.5 ลิตร ใหม่ ผลิตกำลังแรงม้าได้สูงสุดถึง 800 แรงม้า ซึ่ง 812 Superfast ได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในเซ็กเม้นท์ mid-front-engined sports car โดยที่กำลังสูงสุดที่ 8,500 รอบ/นาทีนั้น ทำให้รถมีอัตราส่วนกำลังต่อความจุเครื่องยนต์ที่ 123 แรงม้า/ลิตร นี่คือตัวเลขที่ไม่มีรถยนต์เครื่องยนต์วางหน้าคันอื่นเข้ามาใกล้ได้ด้วยซ้ำ ซึ่งก็บ่งบอกได้ถึงสมรรถนะระดับไฮเอ็นด์ที่มีเฉพาะในรถยนต์ V12 ของเฟอร์รารี่เท่านั้น
กำลังจากเครื่องยนต์ผนวกเข้ากับเสียงจากท่อไอเสียอันสุดจะเร้าใจที่มาจากความจุที่เพิ่มขึ้น แรงบิดสูงสุด อยู่ที่718นิวตัน-เมตร ที่ 7,000 รอบ/นาที โดยที่ 80% ของแรงบิดทั้งหมด สามารถเรียกงานใช้ได้ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ที่ 3,500 รอบ/นาทีเป็นต้นไป ทำให้ขับง่ายและสามารถเร่งความเร็วได้ดีตั้งแต่รอบต่ำๆ โดยสมรรถนะเหล่านี้ส่วนหนึ่งได้มาจากการใช้หัวฉีด direct injection ที่มีแรงดันสูงถึง 350 บาร์เป็นครั้งแรกในเครื่องยนต์สมรรถนะสูง และการจับคู่กับท่อไอดีแบบผันแปรที่นำมาจากรถยนต์ F1 ที่ใช้เครื่องยนต์ NA
ระบบเกียร์แบบคลัทช์คู่ (dual clutch) ของ 812 Superfast มีอัตราทดเกียร์ที่เจาะจง และเมื่อผนวกกับระยะเวลาเปลี่ยนเกียร์ (ขึ้นและลง) ที่รวดเร็วขึ้นทำให้การตอบสนองของคันเร่งนั้นฉับไวขึ้นด้วยเช่นกัน
การทรงตัว
812 Superfast มีระบบควบคุม และชิ้นส่วนต่างๆที่ทันสมัย ส่งผลให้รถนั้นมีการควบคุมและการเกาะถนนในแบบไร้คู่แข่ง มันเป็นเฟอร์รารี่คันแรกที่มีระบบ EPS (Electric Power Steering) ซึ่งเมื่อถูกนำมาใช้งานด้วยวิธีการของเฟอร์รารี่แล้ว ทำให้สามารถเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของรถได้ การรวบรวมระบบควบคุมการทรงตัวอีเล็คโทรนิคทุกระบบเข้าด้วยกัน รวมไปถึงระบบ Side Slip Control (SSC) เวอร์ชั่น 5.0 ใหม่ล่าสุด ทำให้พลังที่เพิ่มขึ้นนั้น สามารถควบคุมได้โดยง่าย และ มีความสนุกสนานตื่นเต้นมากขึ้น
และเป็นครั้งแรกที่ระบบควบคุมนั้นมาพร้อมกับ Virtual Short Wheelbase 2.0 (PCV) ที่นำมาจากรถ F12tdf และเป็นการพัฒนาซอฟท์แวร์เพิ่มเติมที่จะช่วยในด้านของความว่องไวของรถ และช่วยลด response time ของรถลงอีก
การออกแบบและอากาศพลศาสตร์
Ferrari Styling Center คือผู้ออกแบบ รถ 812 Superfast โดยมีดีไซน์ที่เป็นนิยามใหม่สำหรับรถ V12 เครื่องวางหน้าของเฟอร์รารี่ ด้วยเส้นสายและรูปทรงที่มีความสปอร์ตสูง รูปทรงโดยรวมจะเน้นความเป็น fastback คือมีรูปทรงแบบ two-box และด้านท้ายที่สูงเหมือนรถ 365 GTB4 จากปี 1969
การออกแบบด้านข้างนั้นช่วยทำให้ท้ายรถนั้นดูสั้นลง ในขณะที่ซุ้มล้อที่ใหญ่นั้นบ่งบอกถึงพลังอันมหาศาลจากเครื่องยนต์ V12 ของ 812 Superfast ไฟหน้าแบบ LED นั้นถูกฝังเข้าไปในดีไซน์ของช่องดักลมบนฝากระโปรงหน้า และช่วยย้ำเน้นถึงพลังของ V12 เช่นกัน
ขณะที่ด้านท้ายของรถมีไฟท้ายทรงกลมสี่ดวงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมของเฟอร์รารี่เอง มันช่วยทำให้ 812 Superfast นั้นดูดุดัน และทำให้ทั้งห้องโดยสารและสปอยเลอร์ดูต่ำลง? เช่นเดียวกับในเฟอร์รารี่ทุกคัน
ห้องโดยสาร
ภายในของ 812 Superfast นั้นออกแบบมาเพื่อที่จะแมทช์กับดีไซน์ภายนอกที่มีแนวextreme แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งพื้นที่และความสะดวกสบาย ที่รถ V12 เครื่องวางหน้าของเฟอร์รารี่นั้นมอบให้ลูกค้ามาโดยตลอด
ห้องโดยสารใหม่นั้นมีความสปอร์ตและแหวกแนวมากขึ้น องค์ประกอบสำคัญๆนั้นดูเหมือนจะลองอยู่ในอากาศ ทำให้รู้สึกถึงทั้งความเร้าใจและความภูมิฐาน แผงหน้าปัดนั้นโอบกว้างไปถึงช่องแอร์กลางเพื่อที่จะดูมีความลึกซึ้งและเหมือนงานแกะสลัก เบาะนั่งมีความสปอร์ทและเข้ากับสรีระมากขึ้น มาพร้อมกับ ระบบ HMI ใหม่ พวงมาลัยใหม่ รวมไปถึง ปุ่มควบคุมต่างๆ ระบบ infotainment และ ระบบปรับอากาศใหม่
นายวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี รองประธานบริษัท กรรมการบริหาร บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ได้เปิดตัวบริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด เตัวแทนจำหน่ายและซ่อมบำรุงรถยนต์เฟอร์รารี่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยมากว่า 8 ปี พบว่ามีอัตราการเติบโตมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันเติบโตกว่า 400% และได้วางแผนการจะขับเคลื่อนธุรกิจช่วง 3-5 ปีนับจากนี้ โดยจะผลักดันด้วยความหลากหลายของรถที่จะเข้ามาทำตลาดให้แก่กลุ่มลูกค้าตามความต้องการ โดยเฉพาะในกลุ่มจีที คาร์ (Gran Turismo) ที่จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดมากสุด เนื่องจากเป็นรถสปอร์ตสำหรับไลฟ์สไตล์ของการใช้อย่างสะดวกสบายทุกวัน ทั้งผู้ขับขี่ยังสามารถสัมผัสถึงความเร้าใจผสมกลิ่นอายของเฟอร์รารี่อย่างเต็มเปี่ยมอีกด้วย ควบคู่ไปกับพัฒนาศูนย์บริการ ยกระดับบริการหลังการขาย และการรับประกัน ก็เป็นนโยบายที่บริษัทเตรียมพร้อมจะเดินหน้าต่อไป เพื่อให้บริษัทมีความสมบูรณ์แบบทางด้านงานบริการแก่ลูกค้าได้ดีมากขึ้นอีกอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 ที่ผ่านมายอดการจำหน่ายเป็นไปตามเป้าหมาย มียอดจองเติบโตมากถึง 300% เมื่อเทียบกับปี 2558 ส่วนปีนี้คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ 1,000 ล้านบาท ?โดย บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดในตลาดรถซูเปอร์คาร์ ไฮแบรนด์ มากกว่า 50% ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำในตลาดรถซูเปอร์คาร์?