รายงานจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ต้นทุนเฉลี่ยต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมงของแบตเตอรี่ไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าลดลง จาก 1,415 ดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 50,000 บาท)ในปี 2008 เหลือเพียง 139 ดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 5,000 บาท) ในปี 2023
ความคืบหน้าด้านเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตแบตเตอรี่ที่ก้าวหน้าขึ้น รวมถึงปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าลดลงกว่า 90% ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา
ตัวอย่างความก้าวหน้าที่สำคัญ ได้แก่:
– การพัฒนาเทคโนโลยีและเคมีของแบตเตอรี่
– การปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
– การเพิ่มปริมาณการผลิตแบตเตอรี่เป็นจำนวนมาก
ผลกระทบของการลดลงของราคาแบตเตอรี่
การลดลงของราคาแบตเตอรี่อย่างมากทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้บริโภคทั่วไป นอกจากนี้ ยังช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้ามีระยะทางการขับขี่ที่ยาวขึ้นด้วย เนื่องจากแบตเตอรี่มีความจุมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า การเปิดตัวเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ๆ เช่น แบตเตอรี่ fixed-state อาจทำให้ราคาแบตเตอรี่ชั่วคราวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นก่อน เนื่องจากต้องมีการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งผู้ผลิตอาจต้องการชดเชยค่าใช้จ่ายดังกล่าวผ่านการตั้งราคาสูงในช่วงแรก
อนาคตของอุตสาหกรรมแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
แม้ว่าราคาแบตเตอรี่จะมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง แต่อุตสาหกรรมกำลังมองหาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ทางเลือกอื่น ๆ เช่น sodium-ion, zinc-based และ iron-air ซึ่งมีศักยภาพในการผลิตในต้นทุนที่ต่ำกว่า แต่ยังคงให้ระยะทางการขับขี่ที่เทียบเท่ากับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน
นอกจากนี้ การขยายกำลังการผลิตแบตเตอรี่ของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในปัจจุบัน ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ราคาแบตเตอรี่ลดลงต่อเนื่องในอนาคต
Cr.ev