Daytime Running Light (DRL) ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งออปชั่นที่ค่ายรถยนต์แทบทุกเจ้านิยมใส่ไว้ในรถยนต์ของตัวเอง ซึ่งมันได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากผู้ใช้รถ เพราะไฟชนิดนี้ช่วยเสริมความหล่อให้กับรถยนต์ของคุณได้ไม่น้อย แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากความสวยงามแล้ว ไฟ DRL ยังมีประโยชน์อื่นๆมากกว่าที่คุณคิด
ไฟหน้าแบบ Daytime Running Light เกิดขึ้นครั้งแรกในฝั่งยุโรป
หากจะพูดถึงจัดเริ่มต้นของไฟ DRL นั้นต้องย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 40 กว่าปีก่อน โดยประเทศแรกที่นำระบบไฟชนิดนี้มาใช้คือประเทศ Sweden ซึ่งมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างแย่และมีช่วงเวลากลางวันที่สั้นแทบตลอดทั้งปี บริษัทรถยนต์จึงได้ใส่ไฟชนิดนี้มาให้เพื่อการมองเห็นที่ชัดเจนในเวลากลางวัน และต่อมาในช่วงปี 1977 ประเทศอื่นๆในแถบสแกนดิเนเวีย รวมถึงประเทศใกล้เคียง เช่น Canada , Denmark , Iceland และ Norway ก็หันมาใช้ไฟ DRL กันเป็นจำนวนมาก
งานวิจัยในปี 2006 ระบุว่า ไฟหน้า DRL สามารถช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อย่างมีนัยสำคัญ
คณะกรรมาธิการและกระทรวงคมนาคมยุโรปได้ออกมาเปิดเผยงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ซึ่งระบุว่า การใช้รถยนต์ที่มีไฟหน้าแบบ DRL จะช่วยให้รถคันอื่นสามารถมองเห็นรถของผู้ขับขี่ได้ดีและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้การเกิดอุบัติเหตุนั้นลดน้อยลงได้มากถึง 6% ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยให้มาการออกข้อบังคับเพิ่มเติมในภายหลัง
ในปี 2011 ยุโรปออกกฎหมายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลต้องมีไฟ DRL ทุกคัน
สหภาพยุโรปได้ออกกฎหมายเป็นข้อบังคับให้รถยนต์ที่จำหน่ายตั้งแต่ปี 2011 ขึ้นไปทุกคัน ต้องมีไฟหน้าแบบ Daytime Running Light ทุกคัน รวมถึงรถในกลุ่มรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่ก็ตอบรับมาตรการความปลอดภัยในด้วยเช่นกัน
หลายๆคนอาจมองว่าไฟหน้าแบบ Daytime Running Light นั้นมีไว้เพื่อความสวยงามและเพิ่มความหรูหราเพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้วไฟชนิดนี้ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เป็นหลัก และมันได้ผลดีมากกว่าที่คิด
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : news.yahoo.com / powerbulbs.com / autoexpress.co.uk