Audi ได้ขยายไลน์ของ A5 โดยเพิ่มตัวเลือกปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ที่สามารถเลือกได้ทั้งในรุ่นซาลูนและเอสเตท โดยจะเริ่มต้นที่ราคาน้อยกว่า 1.9 ล้านบาท (ประมาณ 48,950 ปอนด์) ซึ่งมันจะเติมเต็มช่องว่างระหว่างรุ่นเริ่มต้นที่เป็นเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล กับรุ่น S5 ที่แรงขึ้น และใช่, รุ่นที่เป็นตัวทดแทนของ A4 จะยังคงใช้ชื่อว่า A5 ถึงแม้ว่า Audi จะยกเลิกแผนการตั้งชื่อรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินและดีเซลด้วยหมายเลขคี่ และรถยนต์ไฟฟ้าด้วยหมายเลขคู่แล้วก็ตาม
A5 PHEV นี้มาพร้อมกับระบบ ‘e-hybrid’ ใหม่จาก Audi ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ขนาด 20.7kWh (usable) ที่มีความจุค่อนข้างใหญ่ ในโหมดขับขี่ด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว รถยนต์สามารถขับขี่ได้โดยไม่มีการปล่อยก๊าซพิษสูงสุดถึง 67 ไมล์ ซึ่งดีกว่าคู่แข่งอย่าง BMW 3 Series PHEV ที่ทำได้เพียง 52-62 ไมล์เท่านั้น
เมื่อเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน จะให้กำลังรวม 295 แรงม้า และแรงบิด 332 ปอนด์ฟุต ซึ่งจะถูกส่งไปยังล้อทั้งสี่ผ่านเกียร์อัตโนมัติ S Tronic 7 สปีด และสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.9 วินาที การชาร์จเต็ม 100% ผ่านระบบชาร์จ 11kW คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมง
ภายในห้องโดยสารของ A5 PHEV ยังคงรักษาความสะดวกสบายและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เหมือนกับรุ่นอื่นๆ ในตระกูล A5 ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอสามจอขนาดใหญ่สำหรับระบบอินโฟเทนเมนท์, ระบบนำทางในตัว, และแอร์คอนดิชันแบบสามโซน นอกจากนี้ยังมีแผ่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สายและไฟ Ambient Light ที่ได้รับความนิยมจากการขับขี่ครั้งแรกของเราใน A5 รุ่นใหม่ หนึ่งในความแตกต่างที่เห็นได้ชัดจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินและดีเซลคือ พัดลมที่พวงมาลัยที่ใช้ในการปรับการชาร์จและการเบรกรีเจน ซึ่งสามารถปรับได้สูงสุด 3 ระดับ
ราคาเริ่มต้นของรุ่นซาลูน A5 PHEV อยู่ที่ 1.9 ล้านบาท (48,950 ปอนด์) สำหรับรุ่น ‘Technik’ และสูงสุดที่ 2.3 ล้านบาท (58,620 ปอนด์) สำหรับรุ่น ‘Edition 1’ โดยรุ่นเอสเตทจะมีราคาเพิ่มอีก 70,000 บาท (1,900 ปอนด์) ซึ่งสามารถสั่งจองได้ในเดือนพฤษภาคม และมีกำหนดการส่งมอบเริ่มต้นในกลางเดือนมิถุนายน
แหล่งที่มา : topgear