เมื่อวันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทีมงาน Carvariety ได้รับเกียรติจากวอลโว่คาร์ (ประเทศไทย) ได้เข้าร่วมการทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ Plug in Hybrid ในงาน ‘Volvo Electrify Your Driving Experience’ เปิดประสบการณ์การขับขี่แบบ Pure Electric ที่จัดขึ้น ณ สนามพีระเซอร์กิต จังหวัดชลบุรี
ภายในงานทาง Volvo ได้นำรถยนต์ไฟฟ้าและ Plug in Hybrid มาให้ทดสอบกันอย่างจุใจไม่ว่าจะเป็น C40 และ XC40 Pure Electric, S60, V60, S90 และ XC90 ซึ่งก่อนจะเริ่มทดลองขับทาง Volvo ได้จัด Instructor เพื่อแนะนำสนามและสถานีทดสอบให้กับผู้ขับขี่ก่อนลงสนามจริง
โดยเราได้เลือกทดสอบรถ 2 รุ่นได้แก่ Volvo XC40 Pure Electric ซึ่งเป็นรถเอสยูวีไฟฟ้า 100% และรถซีดานรุ่นเรือธงอย่าง S90 Recharge Plug-in Hybrid เรามาดูกันว่ารถแต่ละรุ่นจะขับสนุกและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างไรบ้าง
Volvo XC40 Pure Electric
มาเริ่มกันที่ Volvo XC40 Pure Electric เอสยูวีขุมพลังไฟฟ้า 100% ที่ต้องบอกเลยว่าดีไซน์ภายนอกนั้นมาในแนวดุดันแต่ยังคงแฝงไว้ซึ่งความเรียบหรูในแบบฉบับของ Volvo ภายในห้องโดยสารตกแต่งโดยโทนสีดำ-เทา เรียกได้ว่าดูเรียบๆ คลีนๆ สะอาดตา
ขุมพลังของ XC40 Pure Electric จะได้เป็นมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ติดตั้งอยู่บริเวณล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง จึงทำให้รถคันนี้เป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-Time AWD ให้พละกำลังสูงสุดที่ 408 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดมันๆ ที่ 670 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 ได้ภายใน 4.9 วินาที มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 82.0 kWh ซึ่งสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC)
เมื่อได้ทดลองขับจริงในสนามพีระเซอร์กิต สิ่งแรกที่ประทับใจในรถคันนี้ก็คือ “อัตราเร่ง” เพราะเมื่อเรากดคันเร่งลงไป 100% เต็ม ขุมพลัง 408 แรงม้าก็พารถพุ่งทะยานไปข้างหน้าดันหลังของผู้ขับให้ติดอยู่ที่เบาะนั่ง ซึ่งหากนำไปใช้ในชีวิตประจำวันต้องบอกเลยว่ารถคันนี้มีกำลัง “เกินพอ” สำหรับการใช้งานบนท้องถนน แต่น่าเสียดายที่เจ้า XC40 ไม่มีโหมดการขับขี่มาให้เลือกแต่อย่างใด (มีเพียงโหมด Off-Road ให้เลือกเท่านั้น ไม่มีโหมดจำกัดกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าอย่าง Eco Normal และ Sport)
ช่วงล่างของ XC40 Pure Electric ถูกเซ็ทมาให้ “นุ่มนวล” เป็นหลัก ดังนั้นเมื่อนำเอสยูวีไฟฟ้าคันนี้มาขับในสนามแข่งหากเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงจะพบกับอาการโคลงของช่วงล่างให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็ถือได้ว่าทำได้ดีพอสมควรสำหรับรถ SUV ที่มีระยะ Ground Clearance ที่สูงขนาดนี้
อีกหนึ่งโหมดที่ผู้ทดสอบชอบเป็นพิเศษนั่นก็คือ โหมด “One Pedal” ที่ต้องบอกเลยว่า Volvo ทำการบ้านมาดีและเซ็ทแป้นคันเร่งให้ทำงานได้อย่างสมูท ถึงแม้ว่าผู้ทดสอบจะไม่ค่อยได้ขับรถที่มีโหมด One Pedal บ่อยนัก แต่ไม่น่าเชื่อว่าเพียงเวลาไม่นานก็สามารถทำความคุ้นชินและสามารถใช้แป้นคันเร่งได้อย่างสบายๆ และไม่น่าเชื่อว่าโหมด One Pedal นี้สามารถใช้ขับในเซอร์กิตด้วยความเร็วได้สนุกมากกว่าที่คิด
S90 Recharge Plug-in Hybrid
ย้ายจากเอสยูวีมาลองขับซีดานรุ่นเรือธงของค่ายอย่าง Volvo S90 Recharge Plug-in Hybrid ซึ่งดีไซน์ภายนอกยังคงเอกลักษณ์การออกแบบที่เน้นความเรียบหรูในแบบฉบับของ Volvo ไว้ได้อย่างดี
ภายในห้องโดยสารจะถูกตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาล พร้อมด้วยการตกแต่งลายไม้บริเวณคอนโซลหน้าและแผงข้างประตู ช่วยให้บรรยากาศภายในห้องโดยสารดูหรูหรา พรีเมียม พร้อมด้วยหัวเกียร์คริสตัลแบบทำมือ โดยทำจากคริสตัลแท้ของสวีเดนซึ่งผลิตโดย Orrefors บริษัทผู้ผลิตเครื่องแก้วชื่อดัง
ขุมพลังของ S90 Recharge Plug-in Hybrid จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อมด้วยเทอร์โบชาร์จ ให้พละกำลังแรงม้าสูงสุดที่ 317 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตรที่ 3,000 – 5,400 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 143 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 309 นิวตัน-เมตร และเมื่อทั้งสองระบบทำงานร่วมกันจะได้กำลังแรงม้ารวมสูงสุดที่ 460 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 709 นิวตันเมตร พร้อมด้วยแบตเตอรี่ขนาด 18.8 kWh ที่ให้ระยะทางวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนสูงสุด 98 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)
เมื่อได้ทดลองขับ S90 Recharge สัมผัสแรกที่รับรู้ได้ก็คือความนุ่มนวล แต่เมื่อทดลองเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงก็พบกับความประหลาดใจเพราะรถซีดานคันใหญ่แบบนี้ สามารถเข้าโค้งได้นิ่งและเนียนมากกว่าที่คิด โดยช่วงล่างถุงลมไฟฟ้า (ที่ด้านหลัง) สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานให้เหมาะสมตามลักษณะการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม
ขอขอบคุณ : Volvo Thailand