fbpx

ขับใช้งานจริง ข้ามจังหวัด! KIA EV5 รุ่น EARTH Long Range ชาร์จเต็ม 1ครั้ง วิ่งได้ไกลสุดในกลุ่มรถ Segment เดียวกันจริงหรอ..

ห่างหายกันไปนานครับกับบทความรีวิวรถยนต์ของเรา แต่ตอนนี้เรากลับมาแล้ว พร้อมกับยุคสมัยที่เริ่มจะเปลี่ยนไปเมื่อมีคนให้ความสนใจกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือ EV มากขึ้น วันนี้เราขอเกาะกระแสหน่อย เมื่อได้มีโอกาสจากค่ายรถยนต์ประเทศเกาหลีอย่าง เกีย ที่ได้เชิญเราร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่กับการทดลองขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV 100% อย่าง KIA EV5 ที่เปิดตัวกันแล้วอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแถมสร้างความหือฮาไม่น้อยกับภาพลักษณ์ที่แสนจะสะดุดตา โดยเส้นทางที่จะใช้ทดลองขับกันในวันนี้ต้องบอกว่าค่อนข้างที่จะท้าทายกันเลยทีเดียว โดยเริ่มสตาร์ทกันที่ จังหวัด เชียงชาย มุ่งหน้าสู่ จังหวัด น่าน ไปพักกันที่หมู่บ้าน สะปัน เชื่อว่าหลายๆคนคงจะพอนึกภาพออกว่าเส้นทางจะเป็นอย่างไร บอกเลยว่าเส้นทางครบรสเหมาะกับการทดลองขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสุดๆ โดยรุ่นที่เราได้ทดลองขับกันในทริปคือรุ่น Earth Long Range ซึ่งเป็นรุ่นที่วิ่งได้ไกลที่สุด ชาร์จเต็ม 1 ครั้งวิ่งได้ไกลถึง 655 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ถ้ามาตรฐาน WLTP จะได้อยู่ที่ 540 กิโลเมตร และเค้ายังบอกอีกว่ายังวิ่งได้ไกลที่สุดในกลุ่มรถ Segment เดียวกัน
มิติตัวรถ
ความยาวของตัวรถ 4,615 มม.
ความกว้างของตัวรถ 1,875 มม.
ความสูงของตัวรถ 1,715 มม.
ฐานล้อ 2,750 มม.
พื้นที่ Overhang – หน้า/หลัง 910 / 955 มม.
ระยะห่างจากพื้น  166 มม.
น้ำหนักตัวรถ 2,030 กกภายนอก
ก่อนที่จะไปเริ่มทดลองขับกันมาพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอกกันสักเล็กน้อย บอกเลยว่าผมชอบ ผมว่ารูปลักษณ์การดีไซน์ของเค้าสวยดูล้ำสมัย เส้นสายเฉียบคม ผสานแนวคิดปรัชญาการออกแบบ Opposites United ดูสง่างามอย่างลงตัว  
–  ไฟหน้า LED แบบ Multi Reflection 3 จุด
–  ระบบไฟหน้าทํางานอัตโนมัติ (Auto light)
–  ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Day Time Running Light)
–  ไฟหรี่หน้า และไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED
–  ไฟท้ายแบบ LED
–  สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก
–  แร็คหลังคา
–  ซันรูฟ แบบ Panoramic บริเวณด้านหน้า และหลัง
–  ระบบปัดน้ำ ฝนอัตโนมัติ (Rain Sensor)
– กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า
– กระจกไฟฟ้าเลื่อนขึ้น – ลงอัตโนมัติ ทุกตําแหน่ง พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
– กุญแจ Smart key
– มือจับประตูแบบ Flush type ทํางานอัตโนมัติ
– วัสดุตกแต่งซุ้มล้อ และกาบข้างสีดํา เงา
– ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมกับยาง 235/55/R19
– ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (เปิด-ปิดอัตโนมัติ) ด้วยระบบ Smart Tailgate
ภายใน

– เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์ Bio PU
– เบาะนั่งผู้ขับ ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบนวดหลังแบบ Lumbar Stretch
– เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบนวดหลังแบบ Lumbar Stretch
– หน้าปัดแบบ Digital Supervision จอแสดงผล LCD TFT 12.3”
– พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังสังเคราะห์ แบบ 4 ก้าน ปรับระดับ 4 ทิศทาง
– สวิตช์เกียร์แบบ Column-type Shift by Wire  พร้อม Paddle Shift ปรับการทํางานของ Regenerative Brake
– สวิตซ์ควบคุมโหมดการขับขี่
– กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
– ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระ 2 โซน พร้อมช่องระบบปรับอากาศสําหรับผู้โดยสารแถวที่ 2
– แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้า และไฟส่องสว่าง
– ไฟเรืองแสง Ambient Light ภายในห้องโดยสาร
Infotainment
– จอแสดงผล LCD TFT 12.3″

– ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth)
– ระบบสั่งการด้วยเสียง (เชื่อมต่อผ่าน Android AutoTM / Apple Carplay®)
– ลําโพง 6 จุด
– ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger)
– ระบบยืนยันตัวตนด้วยการสแกนลายนิ้วมือ

ทดลองขับ
เรารู้จักตัวรถกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งภายนอก-ภายในของรถยนต์พลังไฟฟ้า KIA EV5 รุ่น Earth Long Range คราวนี้มาทดลองขับกันดีกว่าว่าจะฟิลลิ่งการขับขี่จะเป็นอย่างไรและแบตเตอรี่จะอึดทนได้ระยะทางอย่างที่คุยไว้รึเปล่า โดยหน้าจอที่แสดงผลตอนที่เราเริ่มขับจะมีแสดงผลค่าแบตเตอรี่อยู่ที่ 99% ระยะทางที่ขับได้อยู่ที่ 490 กิโลเมตร (ถ้าจากข้อมูลของตัวรถนั้น ชาร์จเต็ม 100% จะวิ่งได้ไกลถึง 655 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ถ้ามาตรฐาน WLTP จะได้อยู่ที่ 540 กิโลเมตร)  เราจึงแปลกใจว่าทำไมรถเรามีแบตเตอรี่ 99% ถึงหน้าจอโชว์วิ่งได้เพียง 490 กิโลเมตร จึงได้สอบถามกับทางวิศวกรได้ข้อมูลมาว่าตัวเลขระยะทางที่เห็นนั้นเป็นค่าเฉลี่ยของคนที่ขับก่อนหน้านี้ ตัวเลขจะแปรผันตามพฤติกรรมการขับขี่และสภาพแวดล้อมของถนนและการจราจรจึงทำให้รถยนต์ KIA EV5 ในทริปนี้มีระยะทางโชว์ที่หน้าจอของแต่ละคันแตกต่างกัน  

KIA EV 5 เป็นรถยนต์ SUV ขนาดกลางที่นั่งสบาย ทัศนวิสัยดี มีมุมมองในการขับขี่ที่ปลอดโปร่ง เบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมระบบนวดหลังแบบ Lumbar Stretch สามารถปรับเบาะอุ่นร้อนหรือเย็นได้ พร้อม memory seat 2 ตำแหน่ง (ในรุ่น Earth Exclusive AWD จะมีเบาะรองน่องมาให้ด้วย) พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง จึงทำให้การปรับเช็ตตำแหน่งผู้ขับขี่ได้อย่างละเอียดให้อยู่ในท่าทางที่เหมาะสม โดยรวมของเบาะนั่งตำแหน่งผู้ขับขี่ผมให้ผ่าน พวงมาลัยก็มาเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นที่ควบคุมในส่วนของระบบความปลอดภัยและอินโฟเทนเมนต์ โดยมีก้านเกียร์อยู่ที่คอพวงมาลัย โดยใช้การบิด ขึ้น-ลง เป็นการเข้าเกียร์เดินหน้าหรือถอยหลัง หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิตอลมีขนาด 12.3 นิ้ว แสดงภาพที่คมชัด หน้าจออินโฟเทนเมนต์มีขนาด 12.3 นิ้ว Touch Screen ลื่นไหล รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Android Auto / Apple Carplay แบบไร้สาย ระบบเสียงมาพร้อมกับลำโพง 6 จุด (ในรุ่น Earth Exclusive AWD จะมากับลำโพง Harman KardonTM ) แต่แค่ลำโพงเดิมๆที่มากับรถก็ดังเพราะเพียงพอต่อการฟังเพลง ถ้าหากสังเกตดีๆใกล้ๆจออินโฟเทนเมนต์ด้านขวามือจะมีจอเล็กๆขนาด 5.3 นิ้ว อีกหนึ่งจอที่เอาไว้ควบคุมระบบปรับอากาศอีกด้วย ในส่วนดีไซน์ภาพรวมภายในห้องโดยสายสำหรับผมนะอาจจะไม่ได้แปลกตามากนัก สิ่งอำนวยความสะดวกมีมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นช่องชาร์จไฟแบบ USB-C ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ช่องชาร์จไฟ power outlet 12V 180w หรือ  Wireless Charger ช่องชาร์จกุญแจ ที่วางแก้วน้ำ ที่ท้าวแขนมีมาให้ขนาดใหญ่แต่จะเลื่อนตามเบาะผู้โดยสารฝั่งคนนั่ง สามารถยกขึ้นได้เหมือนรถตู้เพื่อเพิ่มพื้นที่ในห้องโดยสาย หลังคาเป็นแบบ panoramic glass roof เปิดเลื่อน-ยกรับลมได้ มีไฟ Ambient Light มาให้ 64 เฉดสี  
เบาะนั่งผู้โดยสายตอนหลังกว้างนั่งสบายไม่อึดอัดผนังพิงสามารถปรับเอนได้ และพับได้แบบราบเรียบ 60 : 40 มีช่องชาร์จไฟ Type C ให้ 2ตำแหน่ง มีช่องแอร์ด้านหลังอยู่ที่เสา B โดยรวมแล้วเจ้า KIA EV5 ถือว่าเป็นรถยนต์ SUV ขนาดกลางที่นั่งสบายอีกหนึ่งรุ่น (โดยรุ่น Earth Exclusive AWD จะมีโต๊ะอเนกประสงค์แบบพับได้บริเวณหลังเบาะผู้โดยสาร มีลิ้นชักอเนกประสงค์พร้อมฟังก์ชันปรับอุณหภูมิ 5-55 องศาเซลเซียส แผงปิดสัมภาระอเนกประสงค์แบบปรับตั้งได้)

KIA EV5 รุ่น Earth Long Range มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 88.1 กิโลวัตต์/ชั่วโมง และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 160 กิโลวัตต์ 217 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ FWD  สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง อยู่ที่ 8.9 วินาที ระยะเวลาในการชาร์จจาก 10% ถึง 100% ผ่าน AC EVSE 8 ชั่วโมง 10 นาที  ระยะเวลาในการชาร์จจาก 10% ถึง 80% ผ่าน DC Fast charge EVSE  38 นาที  ชาร์จเต็ม 100% จะวิ่งได้ไกลถึง 655 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ถ้ามาตรฐาน WLTP จะได้อยู่ที่ 540 กิโลเมตร การรับประกันคุณภาพนานถึง 7 ปีเต็ม บริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี รวมถึงการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ 8 ปี


สำหรับเส้นทางที่ใช้ในการทดลองขับในวันนี้เรียกได้ว่าครบรส ขึ้นเขา-ลงเขา โค้งชันต่อเนื่อง ได้พิสูจน์สมรรถนะของเจ้า KIA EV5 รุ่น Earth Long Range กันแบบเต็มๆ ต้องบอกเลยว่าการขับขี่ของเค้าทำออกมาได้ประทับใจ ในเรื่องอัตราเร่ง 217แรงม้า 310 นิวตันเมตร มันอาจจะไม่ได้หวือวา กระโชกโฮกฮาก ดึงแบบหลังติดเบาะ แต่มันจะดึงแบบนุ่มๆเนียนๆไหลๆ แต่มีกำลังให้ใช้ตลอด สามารถจุ่มเร่งแซงได้ ส่งขึ้นโค้งชันต่อเนื่องได้สบาย นอกจากนั้นยังมีโหมดการขับขี่มาให้อีก 4 โหมด ECO / NORMAL / SPORT / SNOW ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ที่ปุ่มตรงพวงมาลัย  โดยแต่ละโหมดจะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน อย่างเช่นโหมด SPORT ตัวรถจะมีการปรับความไวของคันเร่งให้ตอบสนองไวขึ้นเร็วขึ้นกว่าโหมดอื่นๆ รวมทั้งน้ำหนักของพวงมาลัยก็จะเพิ่มความหน่วงมากขึ้นด้วย แต่หลักๆในวันนี้เราขับในโหมด NORMAL น้ำหนักของพวงมาลัยทำออกมาได้ดี ไม่เบา ไม่หนักจนเกินไป ขับรู้แล้วรู้สึกสบายมั่นใจไม่เมื่อยล้าและยังแม่นยำอีกด้วย ขึ้นว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าต้องมีการชาร์จไฟกลับ Regenerative มีมาด้วยกันทั้งหมด 6 lavel 0 ,1 , 2 , 3 , AUTO และ I-PEDAL MAX โดยแต่ละลำดับก็จะมีการหน่วงดึงมากน้อยแตกต่างกันออกไปโดย ระดับ 0 คือการปิด รถไหล ไม่มีการดึงหรือหน่วง ระดับ AUTO คือตัวรถจัดการปรับเปลี่ยนระดับหน่วงเองตามความเหมาะสมของสภาพเส้นทางถนน ระดับ I-PEDAL MAX จะทำหน้าที่เป็นคันเร่งแบบ ONE PEDAL ที่เมื่อเรายกคันเร่งตัวรถจะสามารถหยุดนิ่งได้เลย ทั้งนี้ก็ต้องมีการปรับตัวกันหน่อยกับการใช้งานในแต่ละระดับเพราะอาจจะทำให้ผู้โดยสารบนรถหรือตัวผู้ขับเองก็อาจจะมึนหัวได้ มากันที่ช่วงล่างด้านหน้าเป็น แม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็น มัลติลิงค์ ตัวรถถูกเช็ตอัพมานิ่มนวล ไม่ย้วย ไม่กระด้าง ไม่สะเทือน เหมาะกับการเป็นรถยนต์แนวครอบครัว  และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบก็คือระบบเบรก น้ำเบรกและระยะการกดของเค้าทำออกมาได้ดีมากคอนโทรลง่าย เบรกได้เนียน ไม่หัวทิ่ม กะระยะได้แม่นยำ รวมทั้งเสียงลมที่เข้ามาในรถก็น้อยมาก ห้องโดยสารถือว่าเงียบเอาการ โดยรวมแล้วภาพรวมของการขับขี่ผมไม่มีติอะไรเลย หนักไปทางชอบด้วยซ้ำ

Safety
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และด้านข้าง
ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง
ระบบเบรก ABS + EBD พร้อมระบบ Multi-Collision Brake
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) และควบคุมการทรงตัว
ขณะลากจูง (TSA)
ระบบเบรกมือแบบไฟฟ้า (EPB) พร้อม Auto Brake Hold
ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAC) และควบคุมเบรกขณะลงทาง
ลาดชัน (DBC)
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ 3 จุด ELR ปรับระดับสูง – ต่ำ
เข็มขัดนิรภัยแถวที่ 2 แบบ 3 จุด ELR
จุดยึดสําหรับติดตั้งเบาะนั่งสํา หรับเด็ก (ISOFIX) บนเบาะแถวที่ 2
สวิตช์ควบคุมระบบป้องกันเด็กเปิดประตูหลังแบบไฟฟ้า
ระบบแจ้งเตือนมีผู้โดยสารอยู่ด้านหลัง (Rear Seat Alert)
เซ็นเซอร์ช่วยเหลือการเข้าจอดด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง
กล้องมองรอบทิศทาง (Surround View Monitor)

ADAS
ระบบรักษาความเร็วคงที่อัตโนมัติแบบแปรผัน (SCC : Smart Cruise Control with Stop & Go)

ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (BCA : Blind-Spot Collision-Avoidance Assist)
ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาบนหน้าจอ (BVM : Blind-Spot View Monitor)
ระบบแจ้งเตือนและหลีกเลี่ยงการชนขณะถอยหลัง(RCCA : Rear Cross Traffic Collision Avoidance)
ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่องจราจร (Lane Following Assist และ Lane Keeping Assist)
ระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อม ตรวจจับรถยนต์ คน และจักรยาน พร้อม Junction Assist (FCA : Forward Collision Avoidance Assist)ระบบป้องกันการออกจากรถขณะมีรถวิ่งมาด้านข้าง (SEA : Safe Exit Assist)

สรุปการขับขี่

วันนี้เราวิ่งมาทั้งหมดจากจังหวัดเชียงราย จนมาถึง หมู่บ้านสะปัน จังหวัดน่าน มีระยะทางอยู่ที่ 260 กิโลเมตร แบตเตอรี่เหลือ 40%  จาก 99% ใช้ไฟไป 5.2 กิโลเมตร/กิโลวัตต์ เราคำนวณโดยเอาความจุของแบตเตอรี่ 88.1 คูณ ด้วย 5.2  จะได้ระยะทางขับขี่คร่าวๆอยู่ที่ 458 กิโลเมตรต่อการชาร์ตเต็มหนึ่งครั้ง โดยตัวเลขที่เราคาดการมา จะมากน้อยขึ้นอยู่กับสภาพเส้นทางและพฤติกรรมการขับขี่ โดยอย่างที่บอกไปข้างต้นเส้นทางวันนี้ค่อนข้างโหด เป็นการขึ้นเขาซะส่วนใหญ่ สำหรับผมรับได้นะจากตัวที่ออกมาถ้าหากเรามองเป็น WLTP ที่ทางค่ายเค้าเคลมไว้ที่ 540 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง วันนี้เราทำได้ที่ 458 กิโลเมตร ผมเชื่อว่าถ้าขับใช้งานในเส้นทางปกติตัวเลข 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งไม่นาใช้เรื่องยาก โดยรถยนต์ KIA EV 5 ทุกรุ่นเป็นรถยนต์ที่นำจากประเทศจีนจะเปิดให้ลูกค้าที่สนใจสามารถทดลองขับ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 ที่ตัวแทนจำหน่ายเกียทั่วประเทศ โดยวางจำหน่ายในประเทศไทย 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Kia EV5 Light, Kia EV5 Air, Kia EV5 Earth Long Range และ Kia EV5 Earth Exclusive AWD ในราคาเริ่มต้นที่ 1,299,000 บาท มาพร้อมข้อเสนอ 7-7-8 ประกอบด้วยการรับประกันคุณภาพนานถึง 7 ปีเต็ม บริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี รวมถึงการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ 8 ปี

สนใจรับชมคลิปรีวิวทดสอบรถยนต์ KIA EV5 EARTH Long Range คลิํ๊ก! เลย

 

บทความที่น่าสนใจ

อีซูซุนำสุดยอดแชมป์ “อีซูซุไทยแลนด์มาสเตอร์ 2018” อวดวงสวิง พร้อมชมวิวภูเขาหิมะมังกรหยก ที่ประเทศจีน

idiot

Protected: รีวิว Haval H6 HEV ไฮบริดเอสยูวีสุดหรูพร้อมออปชั่นจัดเต็ม กับราคาค่าตัว 1,249,000 บาท

Nopkung

ลองขับ Nissan Terra นี่มัน PPV สำหรับครอบครัวนี่หว่า

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy