ห่างหายกันไปนานครับกับบทความรีวิวรถยนต์ของเรา แต่ตอนนี้เรากลับมาแล้ว พร้อมกับยุคสมัยที่เริ่มจะเปลี่ยนไปเมื่อมีคนให้ความสนใจกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือ EV มากขึ้น วันนี้เราขอเกาะกระแสหน่อย เมื่อได้มีโอกาสจากค่ายรถยนต์ประเทศเกาหลีอย่าง เกีย ที่ได้เชิญเราร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่กับการทดลองขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV 100% อย่าง KIA EV5 ที่เปิดตัวกันแล้วอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแถมสร้างความหือฮาไม่น้อยกับภาพลักษณ์ที่แสนจะสะดุดตา โดยเส้นทางที่จะใช้ทดลองขับกันในวันนี้ต้องบอกว่าค่อนข้างที่จะท้าทายกันเลยทีเดียว โดยเริ่มสตาร์ทกันที่ จังหวัด เชียงชาย มุ่งหน้าสู่ จังหวัด น่าน ไปพักกันที่หมู่บ้าน สะปัน เชื่อว่าหลายๆคนคงจะพอนึกภาพออกว่าเส้นทางจะเป็นอย่างไร บอกเลยว่าเส้นทางครบรสเหมาะกับการทดลองขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสุดๆ โดยรุ่นที่เราได้ทดลองขับกันในทริปคือรุ่น Earth Long Range ซึ่งเป็นรุ่นที่วิ่งได้ไกลที่สุด ชาร์จเต็ม 1 ครั้งวิ่งได้ไกลถึง 655 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ถ้ามาตรฐาน WLTP จะได้อยู่ที่ 540 กิโลเมตร และเค้ายังบอกอีกว่ายังวิ่งได้ไกลที่สุดในกลุ่มรถ Segment เดียวกัน
มิติตัวรถ
ความยาวของตัวรถ 4,615 มม.
ความกว้างของตัวรถ 1,875 มม.
ความสูงของตัวรถ 1,715 มม.
ฐานล้อ 2,750 มม.
พื้นที่ Overhang – หน้า/หลัง 910 / 955 มม.
ระยะห่างจากพื้น 166 มม.
น้ำหนักตัวรถ 2,030 กกภายนอก
ก่อนที่จะไปเริ่มทดลองขับกันมาพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอกกันสักเล็กน้อย บอกเลยว่าผมชอบ ผมว่ารูปลักษณ์การดีไซน์ของเค้าสวยดูล้ำสมัย เส้นสายเฉียบคม ผสานแนวคิดปรัชญาการออกแบบ Opposites United ดูสง่างามอย่างลงตัว
– ไฟหน้า LED แบบ Multi Reflection 3 จุด
– ระบบไฟหน้าทํางานอัตโนมัติ (Auto light)
– ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Day Time Running Light)
– ไฟหรี่หน้า และไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED
– ไฟท้ายแบบ LED
– สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก
– แร็คหลังคา
– ซันรูฟ แบบ Panoramic บริเวณด้านหน้า และหลัง
– ระบบปัดน้ำ ฝนอัตโนมัติ (Rain Sensor)
– กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า
– กระจกไฟฟ้าเลื่อนขึ้น – ลงอัตโนมัติ ทุกตําแหน่ง พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
– กุญแจ Smart key
– มือจับประตูแบบ Flush type ทํางานอัตโนมัติ
– วัสดุตกแต่งซุ้มล้อ และกาบข้างสีดํา เงา
– ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมกับยาง 235/55/R19
– ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (เปิด-ปิดอัตโนมัติ) ด้วยระบบ Smart Tailgate
ภายใน
– เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์ Bio PU
– เบาะนั่งผู้ขับ ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบนวดหลังแบบ Lumbar Stretch
– เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบนวดหลังแบบ Lumbar Stretch
– หน้าปัดแบบ Digital Supervision จอแสดงผล LCD TFT 12.3”
– พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังสังเคราะห์ แบบ 4 ก้าน ปรับระดับ 4 ทิศทาง
– สวิตช์เกียร์แบบ Column-type Shift by Wire พร้อม Paddle Shift ปรับการทํางานของ Regenerative Brake
– สวิตซ์ควบคุมโหมดการขับขี่
– กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
– ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระ 2 โซน พร้อมช่องระบบปรับอากาศสําหรับผู้โดยสารแถวที่ 2
– แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้า และไฟส่องสว่าง
– ไฟเรืองแสง Ambient Light ภายในห้องโดยสาร
Infotainment
– จอแสดงผล LCD TFT 12.3″
– ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth)
– ระบบสั่งการด้วยเสียง (เชื่อมต่อผ่าน Android AutoTM / Apple Carplay®)
– ลําโพง 6 จุด
– ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger)
– ระบบยืนยันตัวตนด้วยการสแกนลายนิ้วมือ
ทดลองขับ
เรารู้จักตัวรถกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งภายนอก-ภายในของรถยนต์พลังไฟฟ้า KIA EV5 รุ่น Earth Long Range คราวนี้มาทดลองขับกันดีกว่าว่าจะฟิลลิ่งการขับขี่จะเป็นอย่างไรและแบตเตอรี่จะอึดทนได้ระยะทางอย่างที่คุยไว้รึเปล่า โดยหน้าจอที่แสดงผลตอนที่เราเริ่มขับจะมีแสดงผลค่าแบตเตอรี่อยู่ที่ 99% ระยะทางที่ขับได้อยู่ที่ 490 กิโลเมตร (ถ้าจากข้อมูลของตัวรถนั้น ชาร์จเต็ม 100% จะวิ่งได้ไกลถึง 655 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ถ้ามาตรฐาน WLTP จะได้อยู่ที่ 540 กิโลเมตร) เราจึงแปลกใจว่าทำไมรถเรามีแบตเตอรี่ 99% ถึงหน้าจอโชว์วิ่งได้เพียง 490 กิโลเมตร จึงได้สอบถามกับทางวิศวกรได้ข้อมูลมาว่าตัวเลขระยะทางที่เห็นนั้นเป็นค่าเฉลี่ยของคนที่ขับก่อนหน้านี้ ตัวเลขจะแปรผันตามพฤติกรรมการขับขี่และสภาพแวดล้อมของถนนและการจราจรจึงทำให้รถยนต์ KIA EV5 ในทริปนี้มีระยะทางโชว์ที่หน้าจอของแต่ละคันแตกต่างกัน
KIA EV 5 เป็นรถยนต์ SUV ขนาดกลางที่นั่งสบาย ทัศนวิสัยดี มีมุมมองในการขับขี่ที่ปลอดโปร่ง เบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมระบบนวดหลังแบบ Lumbar Stretch สามารถปรับเบาะอุ่นร้อนหรือเย็นได้ พร้อม memory seat 2 ตำแหน่ง (ในรุ่น Earth Exclusive AWD จะมีเบาะรองน่องมาให้ด้วย) พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง จึงทำให้การปรับเช็ตตำแหน่งผู้ขับขี่ได้อย่างละเอียดให้อยู่ในท่าทางที่เหมาะสม โดยรวมของเบาะนั่งตำแหน่งผู้ขับขี่ผมให้ผ่าน พวงมาลัยก็มาเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นที่ควบคุมในส่วนของระบบความปลอดภัยและอินโฟเทนเมนต์ โดยมีก้านเกียร์อยู่ที่คอพวงมาลัย โดยใช้การบิด ขึ้น-ลง เป็นการเข้าเกียร์เดินหน้าหรือถอยหลัง หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิตอลมีขนาด 12.3 นิ้ว แสดงภาพที่คมชัด หน้าจออินโฟเทนเมนต์มีขนาด 12.3 นิ้ว Touch Screen ลื่นไหล รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Android Auto / Apple Carplay แบบไร้สาย ระบบเสียงมาพร้อมกับลำโพง 6 จุด (ในรุ่น Earth Exclusive AWD จะมากับลำโพง Harman KardonTM ) แต่แค่ลำโพงเดิมๆที่มากับรถก็ดังเพราะเพียงพอต่อการฟังเพลง ถ้าหากสังเกตดีๆใกล้ๆจออินโฟเทนเมนต์ด้านขวามือจะมีจอเล็กๆขนาด 5.3 นิ้ว อีกหนึ่งจอที่เอาไว้ควบคุมระบบปรับอากาศอีกด้วย ในส่วนดีไซน์ภาพรวมภายในห้องโดยสายสำหรับผมนะอาจจะไม่ได้แปลกตามากนัก สิ่งอำนวยความสะดวกมีมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นช่องชาร์จไฟแบบ USB-C ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ช่องชาร์จไฟ power outlet 12V 180w หรือ Wireless Charger ช่องชาร์จกุญแจ ที่วางแก้วน้ำ ที่ท้าวแขนมีมาให้ขนาดใหญ่แต่จะเลื่อนตามเบาะผู้โดยสารฝั่งคนนั่ง สามารถยกขึ้นได้เหมือนรถตู้เพื่อเพิ่มพื้นที่ในห้องโดยสาย หลังคาเป็นแบบ panoramic glass roof เปิดเลื่อน-ยกรับลมได้ มีไฟ Ambient Light มาให้ 64 เฉดสี
เบาะนั่งผู้โดยสายตอนหลังกว้างนั่งสบายไม่อึดอัดผนังพิงสามารถปรับเอนได้ และพับได้แบบราบเรียบ 60 : 40 มีช่องชาร์จไฟ Type C ให้ 2ตำแหน่ง มีช่องแอร์ด้านหลังอยู่ที่เสา B โดยรวมแล้วเจ้า KIA EV5 ถือว่าเป็นรถยนต์ SUV ขนาดกลางที่นั่งสบายอีกหนึ่งรุ่น (โดยรุ่น Earth Exclusive AWD จะมีโต๊ะอเนกประสงค์แบบพับได้บริเวณหลังเบาะผู้โดยสาร มีลิ้นชักอเนกประสงค์พร้อมฟังก์ชันปรับอุณหภูมิ 5-55 องศาเซลเซียส แผงปิดสัมภาระอเนกประสงค์แบบปรับตั้งได้)
KIA EV5 รุ่น Earth Long Range มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 88.1 กิโลวัตต์/ชั่วโมง และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 160 กิโลวัตต์ 217 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ FWD สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง อยู่ที่ 8.9 วินาที ระยะเวลาในการชาร์จจาก 10% ถึง 100% ผ่าน AC EVSE 8 ชั่วโมง 10 นาที ระยะเวลาในการชาร์จจาก 10% ถึง 80% ผ่าน DC Fast charge EVSE 38 นาที ชาร์จเต็ม 100% จะวิ่งได้ไกลถึง 655 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ถ้ามาตรฐาน WLTP จะได้อยู่ที่ 540 กิโลเมตร การรับประกันคุณภาพนานถึง 7 ปีเต็ม บริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี รวมถึงการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ 8 ปี
สำหรับเส้นทางที่ใช้ในการทดลองขับในวันนี้เรียกได้ว่าครบรส ขึ้นเขา-ลงเขา โค้งชันต่อเนื่อง ได้พิสูจน์สมรรถนะของเจ้า KIA EV5 รุ่น Earth Long Range กันแบบเต็มๆ ต้องบอกเลยว่าการขับขี่ของเค้าทำออกมาได้ประทับใจ ในเรื่องอัตราเร่ง 217แรงม้า 310 นิวตันเมตร มันอาจจะไม่ได้หวือวา กระโชกโฮกฮาก ดึงแบบหลังติดเบาะ แต่มันจะดึงแบบนุ่มๆเนียนๆไหลๆ แต่มีกำลังให้ใช้ตลอด สามารถจุ่มเร่งแซงได้ ส่งขึ้นโค้งชันต่อเนื่องได้สบาย นอกจากนั้นยังมีโหมดการขับขี่มาให้อีก 4 โหมด ECO / NORMAL / SPORT / SNOW ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ที่ปุ่มตรงพวงมาลัย โดยแต่ละโหมดจะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน อย่างเช่นโหมด SPORT ตัวรถจะมีการปรับความไวของคันเร่งให้ตอบสนองไวขึ้นเร็วขึ้นกว่าโหมดอื่นๆ รวมทั้งน้ำหนักของพวงมาลัยก็จะเพิ่มความหน่วงมากขึ้นด้วย แต่หลักๆในวันนี้เราขับในโหมด NORMAL น้ำหนักของพวงมาลัยทำออกมาได้ดี ไม่เบา ไม่หนักจนเกินไป ขับรู้แล้วรู้สึกสบายมั่นใจไม่เมื่อยล้าและยังแม่นยำอีกด้วย ขึ้นว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าต้องมีการชาร์จไฟกลับ Regenerative มีมาด้วยกันทั้งหมด 6 lavel 0 ,1 , 2 , 3 , AUTO และ I-PEDAL MAX โดยแต่ละลำดับก็จะมีการหน่วงดึงมากน้อยแตกต่างกันออกไปโดย ระดับ 0 คือการปิด รถไหล ไม่มีการดึงหรือหน่วง ระดับ AUTO คือตัวรถจัดการปรับเปลี่ยนระดับหน่วงเองตามความเหมาะสมของสภาพเส้นทางถนน ระดับ I-PEDAL MAX จะทำหน้าที่เป็นคันเร่งแบบ ONE PEDAL ที่เมื่อเรายกคันเร่งตัวรถจะสามารถหยุดนิ่งได้เลย ทั้งนี้ก็ต้องมีการปรับตัวกันหน่อยกับการใช้งานในแต่ละระดับเพราะอาจจะทำให้ผู้โดยสารบนรถหรือตัวผู้ขับเองก็อาจจะมึนหัวได้ มากันที่ช่วงล่างด้านหน้าเป็น แม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็น มัลติลิงค์ ตัวรถถูกเช็ตอัพมานิ่มนวล ไม่ย้วย ไม่กระด้าง ไม่สะเทือน เหมาะกับการเป็นรถยนต์แนวครอบครัว และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบก็คือระบบเบรก น้ำเบรกและระยะการกดของเค้าทำออกมาได้ดีมากคอนโทรลง่าย เบรกได้เนียน ไม่หัวทิ่ม กะระยะได้แม่นยำ รวมทั้งเสียงลมที่เข้ามาในรถก็น้อยมาก ห้องโดยสารถือว่าเงียบเอาการ โดยรวมแล้วภาพรวมของการขับขี่ผมไม่มีติอะไรเลย หนักไปทางชอบด้วยซ้ำ
Safety
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และด้านข้าง
ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง
ระบบเบรก ABS + EBD พร้อมระบบ Multi-Collision Brake
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) และควบคุมการทรงตัว
ขณะลากจูง (TSA)
ระบบเบรกมือแบบไฟฟ้า (EPB) พร้อม Auto Brake Hold
ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAC) และควบคุมเบรกขณะลงทาง
ลาดชัน (DBC)
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ 3 จุด ELR ปรับระดับสูง – ต่ำ
เข็มขัดนิรภัยแถวที่ 2 แบบ 3 จุด ELR
จุดยึดสําหรับติดตั้งเบาะนั่งสํา หรับเด็ก (ISOFIX) บนเบาะแถวที่ 2
สวิตช์ควบคุมระบบป้องกันเด็กเปิดประตูหลังแบบไฟฟ้า
ระบบแจ้งเตือนมีผู้โดยสารอยู่ด้านหลัง (Rear Seat Alert)
เซ็นเซอร์ช่วยเหลือการเข้าจอดด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง
กล้องมองรอบทิศทาง (Surround View Monitor)
ADAS
ระบบรักษาความเร็วคงที่อัตโนมัติแบบแปรผัน (SCC : Smart Cruise Control with Stop & Go)
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (BCA : Blind-Spot Collision-Avoidance Assist)
ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาบนหน้าจอ (BVM : Blind-Spot View Monitor)
ระบบแจ้งเตือนและหลีกเลี่ยงการชนขณะถอยหลัง(RCCA : Rear Cross Traffic Collision Avoidance)
ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่องจราจร (Lane Following Assist และ Lane Keeping Assist)
ระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อม ตรวจจับรถยนต์ คน และจักรยาน พร้อม Junction Assist (FCA : Forward Collision Avoidance Assist)ระบบป้องกันการออกจากรถขณะมีรถวิ่งมาด้านข้าง (SEA : Safe Exit Assist)
สรุปการขับขี่
วันนี้เราวิ่งมาทั้งหมดจากจังหวัดเชียงราย จนมาถึง หมู่บ้านสะปัน จังหวัดน่าน มีระยะทางอยู่ที่ 260 กิโลเมตร แบตเตอรี่เหลือ 40% จาก 99% ใช้ไฟไป 5.2 กิโลเมตร/กิโลวัตต์ เราคำนวณโดยเอาความจุของแบตเตอรี่ 88.1 คูณ ด้วย 5.2 จะได้ระยะทางขับขี่คร่าวๆอยู่ที่ 458 กิโลเมตรต่อการชาร์ตเต็มหนึ่งครั้ง โดยตัวเลขที่เราคาดการมา จะมากน้อยขึ้นอยู่กับสภาพเส้นทางและพฤติกรรมการขับขี่ โดยอย่างที่บอกไปข้างต้นเส้นทางวันนี้ค่อนข้างโหด เป็นการขึ้นเขาซะส่วนใหญ่ สำหรับผมรับได้นะจากตัวที่ออกมาถ้าหากเรามองเป็น WLTP ที่ทางค่ายเค้าเคลมไว้ที่ 540 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง วันนี้เราทำได้ที่ 458 กิโลเมตร ผมเชื่อว่าถ้าขับใช้งานในเส้นทางปกติตัวเลข 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งไม่นาใช้เรื่องยาก โดยรถยนต์ KIA EV 5 ทุกรุ่นเป็นรถยนต์ที่นำจากประเทศจีนจะเปิดให้ลูกค้าที่สนใจสามารถทดลองขับ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 ที่ตัวแทนจำหน่ายเกียทั่วประเทศ โดยวางจำหน่ายในประเทศไทย 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Kia EV5 Light, Kia EV5 Air, Kia EV5 Earth Long Range และ Kia EV5 Earth Exclusive AWD ในราคาเริ่มต้นที่ 1,299,000 บาท มาพร้อมข้อเสนอ 7-7-8 ประกอบด้วยการรับประกันคุณภาพนานถึง 7 ปีเต็ม บริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี รวมถึงการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ 8 ปี
สนใจรับชมคลิปรีวิวทดสอบรถยนต์ KIA EV5 EARTH Long Range คลิํ๊ก! เลย