fbpx
BMW XM Label Red ราคา

BMW XM Label Red เปิดราคาอย่างเป็นทางการในไทย 17,499,000 บาท 

BMW XM Label Red รถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์หรือ Sports Activity Vehicle (SAV) รุ่นที่ทรงพลังที่สุดของ BMW M ถูกเปิดเผยราคาอย่างเป็นทางการในไทยแล้ว โดยนำเข้ามาจำหน่ายในราคา 17,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรม BSI Standard)

รู้จักกับ BMW XM Label Red รถสมรรถนะสูงรุ่นเรือธง ก่อนเปิดราคาในไทยเร็วๆ นี้

XM Label Red  เป็นรถที่ถูกผลิตมาในจำนวนจำกัดทั่วโลกเพียง 500 คันเท่านั้น โดยมีไฮไลท์ที่โดดเด่นตั้งแต่สีตัวถังภายนอกสีดำ BMW Individual Frozen Carbon Black Metallic กระจังหน้าทรงไตคู่ตามแบบฉบับ BMW พร้อมขอบสองชั้นรูปทรงแปดเหลี่ยมที่ด้านหน้ามาในรูปทรงแนวนอนอันโดดเด่น ขอบด้านนอกของกระจังหน้าทรงไตคู่แต่ละข้างยังตกแต่งด้วยสีแดง Toronto Red metallic ในขณะที่ขอบด้านในมากับไฟ Iconic Glow รูปทรงโค้งมนเป็นวงแหวนไฟที่ให้แสงอย่างคมชัดและต่อเนื่อง แถบเน้นสีมันวาวตัดกับพื้นผิวสีแบบด้านซึ่งส่องแสงระยิบระยับทำให้ภายนอกมีลักษณะที่น่าดึงดูดใจเป็นพิเศษ

XM Label Red ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 พร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo อันล้ำสมัย และระบบขับเคลื่อน M HYBRID ซึ่งให้กําลังรวมสูงสุด 550 กิโลวัตต์/748 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตันเมตร เครื่องยนต์สันดาปยังให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 430 กิโลวัตต์/585 แรงม้า ที่ 5,600 – 6,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 750 รอบต่อนาที ที่ 1,800 – 5,400 รอบต่อนาที ส่วนระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์สูงสุดที่ 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 280 นิวตันเมตร

นอกเหนือจากการจ่ายกำลังไฟฟ้าในระหว่างการเร่งความเร็วแล้ว มอเตอร์ไฟฟ้ายังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์สันดาป สามารถเร่งความเร็วจาก ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 3.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 290 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีระยะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลถึง 96 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ ล้อ M xDrive ช่วยถ่ายทอดกำลังที่เกิดจากเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าไปที่ล้อทั้งสี่ได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และตรงตามความต้องการใช้งานตลอดเวลา ระบบเฟืองท้าย M Sport ยังช่วยเสริมสมรรถนะของรถด้วยการกระจายกำลังขับเคลื่อนระหว่างล้อหลัง ช่วยให้ตัวรถยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น พร้อมเสริมเสถียรภาพการขับขี่ในสถานการณ์ต่าง ๆ ในขณะเดียวกัน ช่วงล่างแบบ Adaptive M Suspension Professional มอบการควบคุมแบบสปอร์ตโดยไม่ลดทอนความสะดวกสบายของผู้ขับขี่

นอกจากนี้ ระบบช่วยการขับขี่รุ่น Professional มอบความปลอดภัยและมั่นใจสูงสุดในทุกการเดินทาง ด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go ที่ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความเร็วของรถในระดับที่ต้องการและคงระยะห่างจากรถคันหน้าให้สม่ำเสมอเท่านั้น แต่ยังช่วยให้รถยนต์อยู่ในเส้นทางอย่างคงที่ด้วยระบบบังคับพวงมาลัย ไม่เพียงเท่านี้ เพื่อความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus ยังช่วยให้การจอดรถและการบังคับรถทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

ภายในห้องโดยสารของ XM Label Red ตกแต่งอย่างลงตัวด้วยเบาะหนังสีดำ Black ตัดกับสีแดง Fiona Red BMW Individual Merino โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยส่วนประกอบแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เช่น ตราสัญลักษณ์ ‘XM’ สีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ตรงใต้หน้าจอ Control Display และแถบตกแต่งภายในคาร์บอนไฟเบอร์แบบซาติน ประดับด้วยด้ายเน้นสีแดงและน้ำเงิน พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ มีส่วนประกอบตกแต่งในสีดำโครเมียม พร้อมด้วยปุ่ม M และแป้นเปลี่ยนเกียร์คาร์บอนซึ่งมีสัญลักษณ์บวกและลบเป็นสีแดง และอีกหนึ่งคุณสมบัติพิเศษเฉพาะได้แก่ ตราสัญลักษณ์ที่ระบุโหมดการขับขี่แบบ Boost Mode บนแป้นเปลี่ยนเกียร์ด้านซ้าย ส่วนห้องโดยสารด้านท้ายแบบ M Lounge สุดพิเศษ ยังมอบความรู้สึกที่กว้างขวางให้กับผู้โดยสาร พร้อมการตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูงและการออกแบบที่หรูหรา

XM Label Red ยังยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยการติดตั้งระบบ Teleservices ตัวยึดคาร์ซีทสำหรับเด็ก ISOFIX ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist) เซ็นเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) ระบบ Active Protection และระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง เพื่อมอบความอุ่นใจตลอดการเดินทางและทุกจุดหมายปลายทาง

การรังสรรค์ภายในของ XM Label Red ยังพิเศษเหนือใครด้วยผ้าบุหลังคาอันเปรียบเสมือนประติมากรรม 3 มิติ ลวดลายแบบปริซึมมีกรอบล้อม พร้อมด้วยหลอดไฟ LED กว่า 100 ดวงที่ให้แสงสว่างสร้างบรรยากาศที่งดงาม ลงตัวในทุกอารมณ์และเหมาะสมกับทุกเส้นทาง แผงหน้าปัดที่ตกแต่งด้วยเครื่องหนังสร้างความสะดุดตาและเพิ่มความหรูหราให้กับภายใน เพิ่มความสมบูรณ์ด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ โซน ระบบเสียงรอบทิศทาง Bowers & Wilkins Diamond surround พร้อมด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยอีกมากมายที่มอบทั้งความสะดวกสบายและความอุ่นใจในทุกการเดินทาง       

บทความที่น่าสนใจ

ฟอร์ด ชวนสาวกรถฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ลุยขับในสนามแข่งออฟโรดจริง ที่งาน ‘แร็พเตอร์ แทร็ค เอ็กซ์พีเรียนซ์

admin bell

ชม Mercedes EQS 450+ ที่ได้รับการอัพเกรดโดย Brabus ให้ดุดันและเร็วมากยิ่งขึ้น

Nopkung

ด้วยพลังแห่งเครื่องวางกลาง ส่งผลให้ Corvette 2020 ขายหมดไปเป็นที่เรียบร้อย

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy