หลังจากที่เมื่อหลายวันก่อนทาง Toyota เผยภาพบางส่วนของรถ Toyota GR Corolla ล่าสุดทางโตโยต้าได้ประกาศเปิดตัว GR Corolla อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นรถในตระกูล GR รุ่นที่ 4 หลังจากที่รุ่นพี่อย่าง GR Supra GR 86 รวมถึงน้องเล็กอย่าง GR Yaris โดยแบ่งการทำตลาดออกเป็นสองรุ่นคือ Circuit Edition และ Core Grade (ซึ่งจะตามมาภายหลังช่วงต้นปีหน้า)
โดยความแตกต่างของ Circuit Edition และ Core Grade มีดังต่อไปนี้
จุดเด่นของ Circuit Edition
- หลังคาแบบคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา
- สปอยเลอร์หลังสีดำด้าน (รุ่น core จะเป็นสีดำเงา)
- ช่องดักลมขนาดใหญ่บนฝากระโปรงหน้า
- กระจังหน้าตกแต่งด้วยสีดำเงา
- คาร์ลิปเปอร์เบรกสีแดงพร้อมโลโก้ GR
- เฟืองท้ายแบบ Torsen limited-slip differentials
- เบาะหนังแบบ Brin Naub พร้อมระบบทำความร้อน
- พวงมาลัยมาพร้อมกับระบบอุ่นมือ
- ระบบเครื่องเสียงจาก JBL พร้อมลำโพง 8 ตัว
ภายนอก
โครงสร้างพื้นฐานของ GR Corolla ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจาก Corolla Hatchback เวอร์ชั่น 5 ประตูที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา โดยดีไซน์ภายนอกของตัวรถได้ถูกปรับเปลี่ยนให้มีความดุดันมากยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมช่องดักลมสำหรับระบายความร้อนของระบบเบรก บริเวณโป่งซุ้มล้อถูกปรับให้มีความเป็นเหลี่ยมสันมากยิ่งขึ้น พร้อมช่องระบายความร้อนบริเวณด้านหลังซุ้มล้อ รวมถึงกันชนด้านหลังที่ดูใหญ่บึกบึนกว่า Corolla รุ่นปกติ
เครื่องยนต์
ขุมพลังของรถคันนี้ยกมาจาก GR Yaris เครื่องยนต์รหัส G16E-GTS เบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร จ่ายน้ำมันแบบฉีดตรง D-4ST พ่วงด้วยระบบอัดอากาศ Turbocharge แต่ได้มีการอัพเกรดให้แรงมากยิ่งขึ้น ทำให้เครื่องยนต์บล๊อกนี้สามารถเค้นแรงม้าสูงสุดได้มากถึง 304 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 370 นิวตัน-เมตรที่ 3,000–5,550 รอบ/นาที โดยทางโตโยต้าเคลมว่าสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ต่ำกว่า 5.5 วินาที
ระบบขับเคลื่อน
GR Corolla มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีดพร้อมด้วยเทคโนโลยี iMT ช่วยให้การเปลี่ยนการสะดวกรวดเร็วและนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น เสริมด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ GR-Four ซึ่งสามารถเลือกกระจายการส่งกำลังระหว่างล้อคู่หน้า-หลัง ได้ 3 โหมด
Normal : ส่งกำลังไปที่ล้อหน้า 60% – ล้อหลัง 40%
Sport : ส่งกำลังไปที่ล้อหน้า 30% – ล้อหลัง 70%
Track : ส่งกำลังไปที่ล้อหน้า 50% – ล้อหลัง 50%
ระบบช่วงล่าง และ ระบบเบรก
ระบบช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบ Double Wishbone พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรก ด้านหน้ามาพร้อมกับคาร์ลิปเปอร์แบบ 4 ลูกสูบ พร้อมจานเบรกขนาด 14 นิ้ว ด้านหลังมาพร้อมกับคาร์ลิปเปอร์แบบ 2 ลูกสูบ พร้อมจานเบรกขนาด 11 นิ้ว ล้อที่ให้มามีขนาด 18 นิ้ว มาพร้อมกับสีดำเงารัดด้วยยาง Michelin Pilot Sport 4 ขนาด 235/40R18
ภายใน
การออกแบบภายในของ GR Corolla ยังคงอ้างอิงจาก Corolla Hatchback แต่ได้มีการเพิ่มออปชั่นต่างๆให้เหมาะสมกับตัวรถ ด้วยจอมาตรวัดขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว ซึ่งสามารถบอกข้อมูลการขับขี่ของตัวรถได้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น แรงดันเทอร์โบ ตัวระบุตำแหน่งเกียร์ และมาตรวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ รวมถึงยังมีจอกลางขนาด 8 นิ้ว โดยในรุ่น
สำหรับการทำตลาดในประเทศไทย อาจต้องรอลุ้นช่วงสิ้นปีว่าทางโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จะนำรถรุ่นนี้เข้ามาจำหน่ายหรือไม่ แต่จากกระแสตอบรับของ GR Yaris ที่สามารถทำยอดจอดอย่างถล่มถลาย แอดมินก็หวังว่าจะได้เห็นรถรุ่นนี้วิ่งอยู่บนถนนในประเทศไทยเช่นเดียวกับรุ่นน้องของมันนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : motor1.com / carscoops.com