ดูเหมือนว่าจะเป็นธรรมเนียมไปแล้วที่เราเว็บไซต์ Carvariety จะต้องมีการอัพเดทรถยนต์ที่แพงที่สุดในโลกให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันทุกปี และในปี 2022 นี้ก็ดูเหมือนจะมีหน้าใหม่เข้ามาช่วงชิงอันดับกับรถยนต์ระดับไฮเอนด์อย่าง Bugatti, Rolls-Royce และ Koenigsegg ว่าแต่มีจะรุ่นใดบ้างนั้นไปดูกัน
อันดับที่ 10. Bugatti Chiron Super Sport 300 + ราคา 3.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 128 ล้านบาท)
ใน 2019 ปีที่ผ่านมา Bugatti ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้คนทั่วโลกด้วยการทำความเร็วทะลายกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงได้สำเร็จด้วย Chiron เวอร์ชั่นโปรโตไทป์ที่มีการดัดแปลงมาเป็นพิเศษ และความสำเร็จดังกล่าวก็ได้ถูกสานต่อมาเป็น Chiron Super Sport 300 + รถรุ่นโปรดักชั่นที่ผลิตจำกัดเพียง 30 คัน
Chiron Super Sport 300 + มาพร้อมตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ ตกแต่งด้วยแถบสีส้ม มีช่องดักอากาศขนาดใหญ่ที่ด้านหน้า ดิฟฟิวเซอร์หลังขนาดใหญ่ขึ้น ปลายท่อไอเสียใหม่ สปอยเลอร์หลังถูกถอดออกไป และมีช่องระบายอากาศแบบวงกลมบนซุ้มล้อหน้าทั้งสองฝั่ง ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ W16 ความจุ 8.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ให้กำลังสูงสุด 1,600 แรงม้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ
อันดับที่ 9. Lamborghini Veneno – ราคา 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ144 ล้านบาท)
Veneno ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกบนเวที Geneva Motor Show 2013 ในฐานะรถรุ่นพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของการก่อตั้งบริษัท มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ความจุ 6.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 740 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 609 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ภายใน 2.9 วินาที มีรูปแบบตัวถังให้เลือกทั้งคูเป้และเปิดประทุน ซึ่งทั้งหมดมีอยู่เพียง 14 คันบนโลก
อันดับที่ 8. Bugatti Bolide ราคา 4.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 160 ล้านบาท)
Bugatti Bolide ถูกเปิดตัวคร้้งแรกในเดือนตุลาคมปี 2020 ในรูปแบบคอนเซ็ปคาร์แบบ one-off หรือมีคันเดียวในโลก มาพร้อมกับดีไซน์อันโดดเด่น ภายนอกเต็มไปด้วยช่องระบายอากาศจำนวนมาก มีไฟหน้าและไฟท้าย LED รูปตัว X สกู๊ปดักลมบนหลังคา ดิฟฟิวเซอร์หลังขนาดใหญ่ ปีกหลังสไตล์รถแข่ง และท่อไอเสีย 4 ตัวที่ติดตั้งตรงกลาง
แต่ด้วยการตอบรับอย่างล้นหลามจากลูกค้า ในเดือนสิงหาคมปี 2021 ทาง Bugatti จึงได้ตัดสินใจประกาศว่า Bugatti Bolide จะถูกผลิตเป็นรถโปรดักชั่นโดยวางแผนผลิตจำกัดเพียง 40 คันเท่านั้น นอกจากนี้ในปี 2021 ยังถูกโหวตให้เป็นไฮเปอร์คาร์ที่สวยที่สุดในโลกอีกด้วย
อันดับที่ 7. Bugatti Divo ราคา 5.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 191 ล้านบาท)
ในบรรดารถยนต์ราคาแพงที่เพิ่งเปิดตัว Bugatti Divo ถือเป็นรถยนต์ที่มีดีไซน์สวยสุดตั้งแต่หัวจรดท้าย อีกทั้งยังมีหลายๆ สิ่งที่พิเศษมากกว่า Chiron รถยนต์ที่ใช้เป็นพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่เน้นความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งสามารถสร้างแรงกดอากาศ (Downforce) ได้มากกว่า Chiron ถึง 90 กิโลกรัม มีฝาครอบเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ สปอยเลอร์หลังที่มีความกว้างกว่า Chiron ถึง 23% อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบากว่าถึง 35 กิโลกรัม
ขุมพลังยังคงเป็นเครื่องยนต์ W16 ความจุ 8.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ให้กำลังสูงสุด 1,500 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,600 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 2.4 วินาที และความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 380 กม./ชม.
อันดับที่ 6. SP Automotive Chaos ราคา 6.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 216 ล้านบาท)
Chaos รถยนต์ที่ถูกเคลมว่าเป็น ‘Ultracar’ รุ่นแรกของโลก จากบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติกรีซ SP Automotive ได้เข้ามาเป็นหน้าใหม่ในการจัดอันดับ 10 รถยนต์ที่แพงที่สุดในโลกในปี 2022
ภายนอกถูกออกแบบมาอย่างดุดันและกลมกลืนไปกับรายละเอียดที่ซับซ้อน บริษัทกล่าวว่า Chaos มีการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรถยนต์ ซึ่งรวมถึงดาวน์ฟอร์ซที่เทียบได้กับรถแข่ง F1 ส่วนภายในห้องโดยสารดีไซน์เรียบง่ายแต่ล้ำสมัย นอกจากนี้ยังมีการใช้คาร์บอนไฟเบอร์ ไซลอน ไททาเนียม แมกนีเซียม และอัลคันทาราสำหรับส่วนประกอบภายในแทบทุกชิ้น
Chaos มีวางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ Earth Version และ Zero Gravity โดยในรุ่นท็อปสุดติดตั้งเครื่องยนต์ V10 ความจุ 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 3,065 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาล 1,984 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปยังล้อทั้ง 4 ผ่าน เกียร์คลัตช์คู่ 7 หรือ 8 สปีด
อันดับที่ 5. Mercedes-Maybach Exelero ราคา 8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 254 ล้านบาท)
Exelero เปิดตัวคร้งแรกในปี 2004 ในรูปแบบ one-off หรือมีอยู่คันเดียวในโลก โดยรถคันนี้เป็นโปรเจ็กต์ที่ Mercedes-Maybach และ Fulda บริษัทยางในเครือ Goodyear ในเยอรมันร่วมกันพัฒนาเพื่อแสดงถึงความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ภายใต้ฝากระโปรงติดตั้งเครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 690 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,020 นิวตันเมตร และท็อปสปีด 350 กม.ต่อชม.
อันดับที่ 4. Bugatti Centodieci – ราคา 9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 297 ล้านบาท)
Centodieci เปิดตัวครั้งแรกในงาน Pebble Beach car week เผยให้เห็นรูปลักษณ์ของรถระดับอัลตร้าแรร์ ที่ถูกสร้างขึ้นแสดงความเคารพต่อซุเปอร์คาร์ระดับไอคอนในยุค 90 อย่าง Bugatti EB110 SS
ไฮเปอร์คร์รุ่นพิเศษนี้ถูกผลิตเพียง 10 คันเท่านั้น และมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่าง ทำให้รถรุ่นนี้มีน้ำหนักเบากว่ารถที่ใช้เป็นพื้นฐานอย่าง Chiron ถึง 20 กิโลกรัม อีกทั้งยังมีพละกำลังเพิ่มมากกว่าถึง 100 แรงม้า เป็น 1,600 แรงม้าด้วย
อันดับที่ 3. Rolls-Royce Sweptail ราคา 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 407 ล้านบาท)
สุดยอดอัครยานยนต์สั่งทำพิเศษแบบ 2 ประตู 2 ที่นั่ง ที่ Rolls-Royce ใช้เวลาพัฒนามากกว่า 4 ปีคันนี้คือเจ้าของตำแหน่งรถยนต์ที่มีราคาแพงที่สุดในปี 2017 มาพร้อมการออกแบบที่เน้นความประณีตวิจิตรบรรจงตั้งแต่ กระจังหน้าทรงประตูวิหารแพนธีออนตี ตัดกับการตกแต่งด้วยอะลูมิเนียม
ภายในเรียบหรูคล้ายกับนั่งอยู่ในเรือยอชต์ และทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ V12 ความจุ6.7 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 459 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
อันดับที่ 2. Bugatti La Voiture Noire – ราคา 18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 598 ล้านบาท)
แชมป์เก่าของปี 2020 ยังคงรักษาอันดับที่ 2 อย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยราคา 18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ จะยังคงทำให้ไฮเปอร์คาร์รุ่นพิเศษคันนี้ติดอยู่ในอันดับท็อปๆ ของรถยนต์ราคาแพงไปอีกหลายปีแน่นอน
La Voiture Noire มีความหมายในภาษาฝรั่งเศษว่า “รถยนต์สีดำ” ตัวรถถูกสร้างขึ้นมาจากพื้นฐานของ Chiron และมีการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถคลาสสิคระดับตำนานอย่าง Type 57SC Atlantic พร้อมด้วยตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ทำขึ้นด้วยมือ และเครื่องยนต์ W16 ความจุ 8.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 1,500 แรงม้า
อันดับที่ 1. Rolls-Royce Boat Tail ราคา 28.0 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 890 ล้านบาท)
ยังคงครองอันดับ 1 รถยนต์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลกเช่นเดิมสำหรับ Rolls-Royce Boat Tail ยนตรกรรมสั่งทำพิเศษที่มาพร้อมกับความหรูหราและการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือยอร์ชระดับ J Class
Boat Tail มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่ตกแต่งในแบบทูโทน รับกับไฟหน้าที่เป็นเอกลักษณ์แบบเส้นหนาแนวนอน ส่วนท้ายตกแต่งด้วยแผงไม้วีเนียร์ และมาพร้อมตู้แช่เย็นสำหรับแชมเปญ ร่มกันแดดแบบบิ้วอิน โต๊ะด้านหลังตกแต่งด้วยไม้ Caleidolegno และเก้าอี้บาร์สูงที่ทำจากเส้นใยไฟเบอร์
ภายในห้องโดยสารตกแต่งแบบไฮเอนด์ ผสมผสานกับการใช้ไม้ตกแต่งบริเวณช่วงล่างและพื้นภายห้องโดยสารทั้งหมด ชวนให้นึกถึงโครงของลำเรือ พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุสีมันวาว ไม้Caleidolegno และนาฬิกา BOVET 1822 หนึ่งเรือนบนแผงหน้าปัด เป็นต้น