เสียงปรบมือดังกึกก้อง หลังจากที่รถยนต์ นิสสัน เทอร์รา (TERRA) รถยนต์ PPV หรือรถกระบะดัดแปลงรุ่นแรกของนิสสันพุ่งทะยานผ่านกองดินสูงเท่าตึก 2 ชั้น ไปได้อย่างง่ายดาย
ใช่แล้วครับ!! วันนี้เราพาท่านผู้อ่านบินข้ามน้ำข้ามทะเล มาถึงเมืองคลาร์ก ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อมายลโฉม นิสสัน เทอร์รา รถที่นิสสันให้คำจำกัดความอย่างเป็นทางการว่า เป็นรถ SUV ขนาดกลางรุ่นล่าสุดของนิสสัน ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อสร้างยอดขายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เติบโตมากขึ้น
นิสสัน เทอร์รา ใหม่ พัฒนาต่อยอดจากความสำเร็จของนิสสัน เอสยูวีที่ยาวนานกว่า 60 ปี เช่น นิสสัน เพโทร (Nissan Patrol) ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้ามากที่สุด คือคำกล่าวของ มร. อัชวานี กุปตา รองประธานอาวุโส กลุ่มธุรกิจโครงสร้างรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กของนิสสัน
แต่ในความเห็นของผม นิสสัน เทอร์รา ก็คือรถที่ดัดแปลงมาจากรถกระบะนิสสัน นาวารา ที่ผลิตในบ้านเรา หรือจะพูดกันให้ง่ายๆ ก็คือเป็นรถที่อยู่ในตระกูล PPV เหมือนกับ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ มิตซูบิชิ ปาเจโรสปอร์ต นั่นเอง
หลังจากงานเปิดตัวแบบอลังการแต่แสนกระชับจบลง ในแบบที่ผมชอบนะไม่มีอะไรที่เยิ่นเย้อ ปล่อยให้สื่อมวลชนได้มีโอกาสอยู่กับรถได้อย่างเต็มที่ ไม่มีพิธีรีตรองมากมาย ค่ายรถยนต์เมืองไทยน่าจะเอามาใช้เป็นแบบอย่างเหลือเกิน
เช้าวันรุ่งขึ้น นิสสัน เทอร์รา จำนวน 10 คัน จอดรถสื่อมวลชนจากประเทศต่างๆ ไว้เรียบร้อยโดยสื่อจากประเทศไทยรับผิดชอบ 4 คันแรก ซึ่งไม่มีปัญหาสบายๆ กันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องระวังคือความชำนาญในเรื่องการขับ เพราะ นิสสัน เทอร์รา รุ่นที่เราผลิตและส่งออกมายังฟิลลิปปินส์นั้น เป็นรุ่นพวงมาลัยซ้าย
ถ้าพูดถึงรูปร่างหน้าตาแล้ว นิสสัน เทอร์รา ไม่ได้ขี้เหร่นะครับ ออกแนวหล่อๆ เสียด้วยซ้ำ ดูบึกบึนใช้ได้เลย ติดที่ไฟท้ายนิดเดียวที่ดูไม่ค่อยลงตัวกับบั้นท้ายเท่าไหร่ ดูภาพรวมแล้วเป็นรถคันใหญ่ใช่ได้เลยแต่ภายนจะกว้างอย่างที่นิสสันเคลมว่า กว้างที่สุดในบรรดารถ PPV ด้วยกันหรือเปล่าเดี๋ยวได้รู้กัน
ก็ต้องใช้ความชำนาญกันนิดหน่อย ก็ไม่มีปัญหาแถมการขับยังขับเป็นขบวน และมีทีมงานนิสสัน ฟิลิปปินส์ ขับนำอีกด้วยก็เลยไม่ต้องระมัดระวังอะไรกันมากนัก สบายครับงานนี้ ตอนแรกยังหวังว่าจะปล่อยให้ขับแบบ FREE RUN ความสนุกเลยหายไปพอสมควร แต่ก็ยังพอได้ครับ เพราะมีเส้นทางทั้งออนโรด และออฟโรด แบบเล็กๆ ให้ลองสัมผัสความรู้สึกได้อยู่พอสมควร
เริ่มเลยดีกว่าครับ กับ นิสสัน เทอร์รา ดูสิว่าเป็นอย่างไร ขอเริ่มจากการสำรวจห้องโดยสารก่อนแล้วกัน ผมลองกระโดดเข้าไปยังห้องโดยสารตอนหลังในแถว 3 ก่อนเลยดูสิว่าไหวมั้ย ก่อนจะก้าวเข้าไปที่นั่งแถว 3 ก็ต้องพับเบาะที่นั่งแถว 2 ก่อน ซึ่งก็พับง่ายครับแค่ดึงสลักที่เบาะแถว 2 เบาๆ เบาะก็พับขึ้นมาแบบออโตเมติก 2 จังหวะขึ้นมาเลย ซึ่งสลักพับเบาะแถว 2 นี้ยังมีอยู่ที่คอนโซลกลางระหว่างที่นั่งผู้โดยสารตอนหน้าด้วย โดยปุ่มพับเบาะที่ด้านหน้านั้นจะมี 2 ปุ่มที่แยกพับเบาะหลังซ้าย-ขวา ได้ด้วย จุดนี้ถือว่าแจ่มมากๆ ครับเป็น PPV เจ้าเดียวที่มีปุ่มพับเบาะจากผู้โดยสารตอนหน้าได้ สะดวกดีมากๆ ครับ จุดนี้ให้คะแนนเต็ม 10
พับเบาะแถว 2 แล้ว ก้าวเข้าไปนั่งในเบาะแถว 3 แบบต้องมุดๆหน่อย คือไม่ค่อยเหมาะกับผู้ใหญ่ละกับการมุดข้าไปนั่งแถว 3 และเมื่อเข้าไปนั่งแถว 3 แล้วบอกได้เลยว่าพื้นที่นั่งค่อนข้างแคบไปหน่อย น่าจะแคบกว่า PPV คู่แข่งในตลาดบ้านเรา แต่ดีที่ว่าเบาะนั่งแถว 3 ปรับพับแบนราบไปกับพื้นรถได้ เลยมีจุดเด่นในเรื่องของพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวางเอาการอยู่
เอาเป็นว่าเบาะนั่งแถว 3 เหมาะกับเด็กๆ มากกว่าผู้ใหญ่อย่างเรา ซึ่งถ้ามีโอกาสนั่งขอนั่งทางใกล้ๆ ละกันยาวๆ ไม่ไหว ตำแหน่งของพื้นืที่วางเท้าของเบาะแถว 3 ค่อนข้างสูงเลยทำให้เข่าชันขึ้นมาพอควร แต่ยังดีที่มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถว 3 ให้มาก็ค่อยสบายหน่อย
พอได้ความรู้สึกของผู้โดยสารแถว 3 ก็มุดๆ ออกมานั่งเบาะหลังแถว 2 ที่น่าจะเป็นเบาะโดยสารหลักของ นิสสัน เทอร์รา กันหน่อย เบาะนั่งสบายมากครับนุ่มและกว้างดี มีพื้นที่วางเท้าเหลือเฟือ พื้นที่เหนือศรีษะก็สูงอยู่เอาการ นั่งไม่อึดอัดครับ ผมชอบน่ะ มีช่องแอร์มาให้เยอะดีทั้งจากช่องแอร์บนหลังตา และช่องแอร์ที่ต่อมาจากคอนโซลกลาง จุดนี้เหมือนนาวาร่าเป๊ะ แต่ไม่ยักกะมีช่องเสียบ USB มาให้ ที่พักแขนผู้โดยสารตอนหลังมีมาให้เช่นกัน
ช่วงแรกการลองขับ ผมขอมานั่งเป็นผู้โดยสารหลังก่อน ปรากฏว่านั่งสบายครับ สบายมากเลยทีเดียว ช่วงล่างนุ่มใช้ได้เลยสำหรับผู้โดยสาร มีจอดิลเพลย์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังให้ด้วย ซึ่งจอดิสเพลย์นี้จะสัมพันธ์กับจอเครื่องเสียงด้านหน้า ผู้โดยสารตอนหลังสามารถควบคุมเครื่องเสียงได้โดยผ่านจอตัวนี้ครับ เออ….ชอบอะ มีลูกเล่นดี
เส้นทางที่ทางนิสสัน ฟิลิปปินส์ จัดไว้ให้สื่อมวลชนทั่วโลกได้ลองขับ มีทั้งเส้นทางออนโรดบนทางด่วน และเส้นทางลุยลำธารที่เต็มไปด้วยฝุ่นภูเขาไฟจากพินาตูโบ ซึ่งเส้นทางนี้ไม่รู้ว่าเป็นเส้นทางความลับหรือเส้นทางปิดอะไรนะครับ เพราะเห็นมีเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธครบมือ ขับรถออฟโรดอีกคัน ขับตามหลังขบวนของเราตั้งแต่เข้าสู่เส้นทางออฟโรดแล้ว
ในระหว่างที่ผมทำหน้าที่เป็นผู้โดยสารตอนหลังบอกได้เลยว่านั่งสบายมากกกกครับ ตั้งแต่คความกว้างของเบาะนั่ง ความกว้างของห้องโดยสาร ที่สำคัญความนุ่มนวลของช่วงล่างที่โคตรดี ผมว่าช่วงล่างของ นิสสัน เทอร์ร่า นั้นสั่งสบายที่สุดเมื่อเทียบกับ PPV รุ่นอื่นๆที่ขายในเมืองไทยเลยก็ว่าได้
ซึ่งช่วงล่างที่นั่งสบาย ก็เพราะนิสสัน เทอร์รา นี้พัฒนาบนแชสซีส์อเนกประสงค์แบบขั้นบันไดซึ่งทำให้ตัวถังเหนียวแน่น และแข็งแกร่งมากขึ้น และยังมีระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นแบบไฟว์-ลิงค์ คอยล์สปริง ทำให้ช่วงล่างค่อนข้างนุ่มนวลเลยทีเดียว
และเมื่อเข้าสู่เส้นทางออฟโรด ช่วงล่างนี้ยังทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมในเรื่องของความนุ่มนวลนะครับ จุดนี้ต้องปรบมือให้กับผู้ออกแบบช่วงล่างของ นิสสัน เทอร์รา จริงๆว่าทำออกมาได้ดีในมุมของผู้โดยสาร ผมชอบน่ะตรงจุดนี้
และเมื่อถึงจุดต้องเปลี่ยนมาเป็นผู้ขับ ก็ขอขยับมาประจำตำแหน่งคนขับสักหน่อย ทำความคุ้นเคยกับรถพวงมาลัยขวาสักหน่อยก็พอ โดยเส้นทางที่เริ่มขับเป็นเส้นทางออฟโรดครับ ซึ่งบอกได้เลยว่าการลองขับครั้งนี้ จุดสนใจไม่ได้อยู่ที่เครื่องยนต์ของ นิสสัน เทอร์รา คันนี้เลยเพราะเครื่องยนต์ที่ใช้ในเวอร์ขั่นฟิลิปปินส์ ใช้เครื่องยนต์ดีเซล YD25 มีสมรรถนะสูงสุด 190 แรงม้าและแรงบิดขนาด 450 นิวตันเมตร ซึ่งก็คือเครื่องยนต์ที่ใช้ในรถกระบะนิสสัน นาวารา นั่นเอง
ซึ่งสำหรับในประเทศไทยนั้น ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ตัวนี้อย่างแน่นอนครับ จะใช้เครื่องยนต์ตัวใหม่คือ เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.3 ลิตรเทอร์โบ ซึ่งน่าสนใจอย่างมากกับเครื่องยนต์ตัวนี้ครับ และผมอยากลองมากกก
แหม…ปากบอกว่าไม่สนใจแต่เมื่อลองกดคันเร่ง ในเส้นทางออฟโรดในครั้งนี้บอกได้เลยว่า ทั้งเครื่องยนต์และช่วงล่าง ทำงานได้อย่างลงตัวแบบกิ่งทองใบหยกเลยทีเดียว
ยอมรับเลยว่า แรงบิด 450 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์แค่ 2,000 กว่ารอบต่อนาทีนี้ทำงานได้ดีจริงๆ พารถไต่หินก้อนใหญ่ๆ รวมถึงใช้กำลังหมุนล้อในเส้นทางเลนเละๆ ได้สบายหายห่วง แถมช่วงล่างยังดีอีกด้วย สามารถรับแรงกระแทกหนักๆ ได้ดีทีเดียว ที่สำคัญไม่กระด้างเลยครับ ผมชอบน่ะ
ส่วนการควบคุมพวงมาลัย บนเส้นทางออฟโรด เทอร์ร่า ทำได้ดีทีเดียว มีจังหวะฟรีนิดๆ ในช่วงออฟโรดแบบหินก้อนใหญ่ๆ กับเส้นทางหลุมบ่อ อ้อๆๆลืมบอกอีกอย่างระยะยกสูงของ เทอร์ร่า ทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยครับไม่ต้องกังวลเรื่องท้องรถจะขึ้นไปแขวนบนก้อนหิน หรือเนินดินสูงๆ ได้ ถ้าคุณขับรถถูกไลน์ และเมื่อใช้ความเร็วสูงบนทางโคลน ก็ยังสามารถควบคุมรถได้ค่อนข้างดีทีเดียว พวงมาลัย ช่วงล่าง เครื่องยนต์ เกียร์ ทำงานสอดประสานกันดีครับ
แต่…..เมื่อหมดเส้นทางออฟโรด และพาเจ้าเทอร์ร่า ขึ้นสู่ท้องถนนบนไฮเวย์ อั้ยย่ะ!! อาการเบ้ปาก เริ่มปรากฏขึ้นบนหน้าผมเสียแล้ว ตั้งแต่ความหนักของพวงมาลัยในความเร็วต่ำที่บอกได้เลยว่าหนักมากกกกก ถ้าในบ้านเราทางนิสสัน ไม่ปรับอัตราการทดพวงมาลัยใหม่ละก็โดนด่ากระจาย ซึ่งความหนักของพวงมาลัยเหมาะสมกับการขับออฟโรด กับตลาดฟิลิปปินส์ ที่เน้นให้นำรถรุ่นนี้มาลุย ไม่เน้นขับในเมืองเหมือนบ้านเรา
นอกจากพวงมาลัยหนักแล้ว เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล YD 2.5 ลิตร ตัวนี้ไม่ได้สร้างความประทับใจใดๆ กับการขับบนำไฮเวย์เลย การออกตัวทำได้ค่อนข้างช้าหรือจะว่าอืดก็ไม่ผิดเท่าไหร่ ก็นำ้หนักตัวของเทอร์ร่า ฟาดไปตันครึ่งแล้วมั้ง จะไม่ให้อืดยังไงไหว แค่เอามาวางในบอดี้ นาวาร่า ที่เบากว่ายังอืดเลย นี่เล่นแบกน้ำหนักเพิ่มมาอีกเพียบก็ต้องยอมรับชะตากรรมไป อัตราการเร่งแซง ยังงั้นๆ ต้องลุ้นกันหน่อย ลากรอบกันจัดๆไป ถึงจะเอาอยู่
ถ้าจะพูดถึงเรื่องเครื่องยนต์กับการใช้งานแบบออนโรด ผมว่า ไม่ผ่าน สู้คนอื่นไม่ได้!! ส่วนเรื่องของช่วงล่างกับการใช้งานออนโรด ยังเป็นจุดเด่นมากครับกับความนุ่มนวล และความนิ่งของรถ จุดนี้นิสสันพัฒนาขึ้นมาได้ดีมากทีเดียว พวงมาลัยนิ่งโคตรๆ แม้ว่าเราจะใช้ความเร็วระดับแค่ 100-110 กิโลเมตร/ชั่วโมง ผมก็เชื่อว่าหากความเร็วมากกว่านี้การทรงตัวของเทอร์ร่า ก็ไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใด
นอกจากนี้ เทอร์ร่า ยังมีจุดเด่นอีกอย่างคือเรื่องการเก็บเสียงที่ดีมากครับ เรียกว่าห้องโดยสารค่อนข้างเงียบเลยทีเดียว นั่งฟังเพลงในรถแบบเพลินๆ ได้เลยครับ แม้ว่าเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องเทอร์โบดีเซลจะมีเสียงเล็ดลอดเข้ามาบ้างก็ตาม
อีกจุดที่เด่นและเท่มากๆ ของเทอร์รา คือกระจกมองหลังอัจฉริยะที่ทำงานร่วมกับกล้องมองหลัง เพื่อทำให้มุมมองของกระจกมองหลังเปิดกว้างแบบฝุดๆ คือเราจะไม่เห็นผู้โดยสารตอนหลัง
สรุปแล้ว นิสสัน เทอร์รา PPV คันนี้ ทรงดีนะครับรูปร่างหน้าตาแล้วแต่คนชอบ ภายในห้องโดยสารผ่านสบายๆ เบาะนั่งแถว 3 ไม่ได้เด่นไปกว่าคู่แข่ง แต่ก็ไม่เป็นรอง การออกแบบการพับเบาะแถว 2 ทำออกมาดี ออปชั่นภายในรถมีมาให้เหลือเฟือไม่อายใคร ช่วงล่างดีทั้งการใช้งานออนโรด-ออฟโรด แทบจะว่านั่งสบายที่สุดในบรรดา PPV ที่ขายในบ้านเราแล้วครับ
แต่ติดอยู่ที่พวงมาลัยโคตรหนักครับเมื่อขับบนทางออนโรด เครื่องยนต์ที่ยังไม่ใช่สำหรับตลาดเมืองไทย ซึ่งตรงนี้ต้องมารอดูกันว่าเครื่องยนต์ใหม่ที่จะขายในเมืองไทยว่าเป็นเครื่องยนต์รุ่นใด แต่บอกได้เลยว่าเครื่องดีกว่าที่ขายในฟิลิปปินส์แน่นอน
อย่างที่บอกครับ เวอร์ชั่นที่ลองขับวันนี้เป็นเวอร์ชั่นที่ขายในฟิลิปปินส์ ยังมีอะไรที่แตกต่างกับเวอร์ชั่นเมืองไทยไม่น้อย ทำให้การลองขับครั้งนี้เป็นแค่การ ลอง ความรู้สึกสัมผัสแรกเท่านั้นว่าเป็นอย่างไรนะครับ
ของจริง!!รออีกไม่กี่เดือนได้เจอกันแน่