นิสสันได้ขยายการส่งออกรถยนต์จากประเทศไทยไปยังประเทศต่างๆ กว่า 115 ประเทศทั่วโลก ที่ทำหน้าที่สำคัญในการผลิตรถยนต์คุณภาพส่งถึงมือลูกค้าผู้ขับขี่จากทั่วทุกมุมโลก มีตลาดการส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรก ของนิสสัน ประเทศไทย
นอกจากนี้ นิสสันยังทำงานร่วมกับ 250 กว่าบริษัทที่อยู่ภายใต้การซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งก่อให้เกิดการว่าจ้างแรงงานกว่า 170,000 อัตรา
ซึ่งศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เป็นโรงงานททีมีศักยภาพ และนิสสันไทยก็มีรากฐานในการผลิต ที่จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีกำลังการผลิตถึง 370,000 คันต่อปี ในไทยได้ผลิตในการส่งออกจำนวน 6 รุ่น และรุ่นที่ส่งออกมาที่สุด คือ นัสสันอัลเมร่ามาร์ช, นาวาร่า ซิลฟี่ เทียน่า และเทอร์ร่า โดยปริมาณในการผลิตนั้นอยู่ที่ 50% ส่วนการส่งออกรถยนต์นั้นอยู่ที่ 5%
ยูตากะ ซานาดะ รองประธานอาวุโสของนิสสันเอเชียและโอเชียเนีย กล่าวว่า “ความสำเร็จของนิสสันในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงบทบาทของประเทศไทยที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์แห่งนวัตกรรมนิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ ที่เน้นสร้างสรรค์รูปแบบการขับขี่ที่ปลอดภัย ฉลาด และยั่งยืนให้แก่ผู้คน ผู้ใช้รถบนท้องถนนทั่วทุกมุมโลก นอกจากนี้ ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็น นิสสัน เทอร์ร่า รถยนต์เพื่อการส่งออกคันที่ 1 ล้าน ได้เดินทางออกจากท่าเรือแหลมฉบังในวันนี้ โดย นิสสัน เทอร์ร่า ซึ่งผลิตขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อภูมิภาคนี้โดยเฉพาะนั้นได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าทั่วทั่งภูมิภาคเป็นอย่างดี”
ส่วน อันตวน บาร์เตส ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ได้กล่าวภายในงานนี้ถึงความภาคภูมิใจต่อความสำเร็จของยานยนต์คุณภาพระดับโลกที่ผลิตขึ้น ณ โรงงานนิสสัน ประเทศไทย ว่า “ความสำเร็จในการส่งออกรถยนต์ของนิสสันในครั้งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากปราศจากความมุ่งมั่นและความทุ่มเทของเหล่าพนักงานกว่า 5,000 คน พร้อมด้วยการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากลูกค้า ผู้แทนจำหน่าย และพันธมิตรทางธุรกิจชาวไทยของเรา”
ดร. บงกช อนุโรจน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า “ดิฉันขอแสดงความยินดีกับนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ในโอกาสเฉลิมฉลองความสำเร็จในครั้งนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นประวิติศาสตร์การส่งออกครั้งสำคัญของประเทศไทยที่สามารถส่งออกไปไกลถึงทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป ประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และตลาดสำคัญอื่น ๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีมาตรฐานอุตสาหกรรมที่เข้มงวด ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้ ยังเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกไปยังทั่วโลก พร้อมกันนี้ ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในการผลิตรถยนต์คุณภาพสูงของประเทศไทยในเวทีระดับโลก”
สำหรับการดำเนินงานของนิสสันในปี 2561 มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 7.5% จากเดิมที่คาดไว้ในปีนี้จะอยู่ที่ 6.9% ขณะที่ยอดขายของนิสสันก็เป็นไปตามคาดเพราะการตลาดนั้นเพิ่มมากขึ้น ส่วนการส่งออกรถยนต์ในปีที่ผ่านมาก็สูงกว่า 1 ล้านคัน ส่วนในปี 2562 นี้ นิสสันคาดว่าตลาดจะมีอัตราการเติบโตเพิ่ม แต่คงไม่ถึง 20%