รีวิวรถยนต์ MG Cyberster: ความเป็นมาและความโดดเด่นของรถสปอร์ตไฟฟ้าจากแบรนด์ MG

ในโอกาสครบรอบ 100 ปีของแบรนด์ MG ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ได้เปิดตัวรถสปอร์ตไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า MG Cyberster ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ ทั้งในด้านดีไซน์ที่สะท้อนความเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของแบรนด์ และสมรรถนะที่ทัดเทียมกับรถสปอร์ตระดับพรีเมียม

โครงการ MG Cyberster เริ่มต้นขึ้นในปี 2017 เมื่อกลุ่มนักออกแบบของ SAIC (บริษัทแม่ของ MG) ในลอนดอนได้สร้างสรรค์ภาพร่างของรถสปอร์ตไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่สะท้อนถึงรูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของ MG B ในอดีต โดยไม่ได้รับคำสั่งจากผู้บริหาร แต่เป็นโครงการที่เกิดจากความตั้งใจและความชื่นชอบในแบรนด์ MG ของพวกเขา ถึงแม้ว่าโครงการนี้จะถูกยกเลิกหลายครั้งระหว่างการพัฒนา โดยเฉพาะในช่วงปีที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เมื่อประธานของ SAIC เห็นปฏิกิริยาที่ดีเยี่ยมจากผู้ชมต่อคอนเซ็ปต์รถในงาน Shanghai Motor Show ปี 2021 ก็ได้ตัดสินใจให้ผลิตรถรุ่นนี้ออกมาจำหน่ายจริง

MG Cyberster มีรุ่นย่อยให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนเพียงเพลาเดียว (รุ่น Trophy) และแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (รุ่น GT) โดยทั้งสองรุ่นได้รับการปรับแต่งเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในตลาดอังกฤษเป็นพิเศษ ทั้งในด้านระบบควบคุมการขับขี่, ระบบสัญญาณเตือนคนเดินถนน, และระบบเสียงเสริมเพื่อความสนุกสนานในการขับขี่

ออกแบบภายนอกของ MG Cyberster ได้รับแรงบันดาลใจจากรถสปอร์ตในอดีตของ MG แต่ได้นำเสนอรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยคงไว้ซึ่งสัดส่วนและสัญลักษณ์ของรถสปอร์ตคลาสสิก แต่มีการผสมผสานกับการออกแบบสไตล์ซูเปอร์คาร์ที่ทันสมัย เช่น ประตูแบบกรรไกร และดีไซน์ด้านหลังที่เลียนแบบแนวคิดอากาศพลศาสตร์ ถึงแม้ว่าจะมีความคล้ายคลึงกับรถยนต์อื่นๆ แต่ก็ยังสามารถสร้างความโดดเด่นและดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี

ภายในห้องโดยสารของ MG Cyberster มีการออกแบบที่สะท้อนความเป็นรถสปอร์ตสมัยใหม่ ทั้งเบาะนั่งที่รองรับและปรับได้ดี และการใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงระดับราคาของรถ อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งการนั่งขับอาจจะสูงเกินไปสำหรับคนที่มีความสูงมาก ซึ่งอาจทำให้รู้สึกโล่งแจ้งมากเกินไปเมื่อขับขี่โดยเปิดเครื่องยนต์ นอกจากนี้ระบบควบคุมและจอแสดงผลต่างๆ อาจจะมีความซับซ้อนเกินไปและเป็นแหล่งการรบกวนความสนใจของผู้ขับขี่

ราคาและข้อมูลทางเทคนิค

  • ราคา: เริ่มต้นที่ 59,995 ปอนด์ (ประมาณ 2.5 ล้านบาท)
  • มอเตอร์ไฟฟ้า: รุ่น Trophy มี 1 มอเตอร์ขับเคลื่อนเพลาหลัง กำลัง 335 แรงม้า, รุ่น GT มี 2 มอเตอร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ กำลัง 503 แรงม้า
  • แบตเตอรี่: ความจุ 74.4 kWh, ระยะทางวิ่งได้กว่า 276 ไมล์ (ประมาณ 444 กม.)
  • ความเร็ว 0-100 กม./ชม.: รุ่น Trophy 4.6 วินาที, รุ่น GT 3.2 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด: 125 ไมล์/ชม. (ประมาณ 200 กม./ชม.)
  • ระบบชาร์จ: สูงสุด 144 kW (DC)

MG Cyberster มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนเพียงเพลาเดียว (Trophy) และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (GT) โดยทั้งสองรุ่นมีสมรรถนะที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะรุ่น GT ที่มีกำลังสูงถึง 503 แรงม้า และสามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.2 วินาที ซึ่งทัดเทียมกับรถสปอร์ตระดับพรีเมียม อย่างไรก็ตาม ในด้านการจัดการรถและความรู้สึกสนุกสนานในการขับขี่ MG Cyberster Trophy ยังดูเหมือนจะมีจุดอ่อนเล็กน้อย เมื่อเทียบกับรถสปอร์ตคู่แข่งที่มีมาตรฐานสูงกว่า

MG Cyberster เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามของ MG ภายใต้การถือหุ้นของบริษัทจีน SAIC ในการกลับมาสู่วงการรถสปอร์ต โดยรถรุ่นนี้มีดีไซน์ที่โดดเด่นและสะท้อนถึงอัตลักษณ์ของแบรนด์ในอดีต ขณะที่ยังคงมีสมรรถนะการขับขี่ที่ทัดเทียมกับรถสปอร์ตระดับพรีเมียม แม้ว่าจะยังมีบางจุดที่ต้องปรับปรุงเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบในรถสปอร์ตมากขึ้น แต่ MG Cyberster ก็ถือเป็นก้าวสำคัญที่บ่งชี้ว่า MG กำลังมุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเองให้กลับมาเป็นแบรนด์รถสปอร์ตที่น่าสนใจอีกครั้ง

 

Cr.autocar

บทความที่น่าสนใจ

New Mazda CX-3 เพิ่มอุปกรณ์ สีใหม่ และรุ่นย่อยใหม่ เคาะเริ่ม 770,000 บาท

idiot

Tesla Model S Plaid สามารถขับรถลุยน้ำระดับหลังคาได้อย่างสบายๆ แต่หลังจากนั้น…..

Nopkung

พาชม Ford GT Holman Moody Heritage Edition รุ่นพิเศษฉลองแชมป์ 24 Hours of Le Mans 1966

Nopkung

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy