fbpx

LPG แพง ปั๊ม NGV ทยอยปิดตัวลงเรื่อยๆ Taxi จะทำอย่างไร ?

ในปัจจุบัน ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและไม่มีท่าทีที่จะลดลงในเร็วๆ นี้ ซึ่งส่งผลกระทบไปถึงราคาก๊าซ LPG และ NGV ที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเช่นเดียวกัน และแน่นอนว่ากลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ จากการปรับราคาขึ้นของก๊าซทั้ง 2 ประเภทนี้ก็คือ คนขับรถแท็กซี่ นั่นเอง

Taxi NGV LPG

นอกจากราคาก๊าซที่ปรับตัวสูงขึ้นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้คนขับรถแท็กซี่หลายๆ คนเป็นกังวล ตัวอย่างเช่น จำนวนสถานีบริการเติมก๊าซที่ลดลง รวมถึงการมีถึงของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งหากเปรียบเทียบกันแล้วมีค่าใช้จ่ายในการเติมพลังงานที่ต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้ก๊าซ LPG หรือ NGV อยู่มากพอสมควร ซึ่งในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์กันว่า อนาคตรถแท็กซี่ในประเทศไทย จะมีการปรับเปลี่ยนไปในลักษณะไหน หรือจะมีทิศทางเป็นอย่างไรบ้าง

สถานีเติม NGV ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ และราคาปรับตัวสูงขึ้น

หากย้อนกลับไปเมื่อสักราวๆ 10 – 20 ปีที่แล้ว ก๊าซ NGV ค่อนข้างเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ รวมถึงประชาชนทั่วไป เนื่องจากในช่วงเวลานั้นรัฐบาลมีการสนับสนุนให้คนหันมาใช้พลังงานทางเลือก จึงได้มอบเงินอุดหนุนบางส่วน ส่งผลให้ราคาก๊าซ NGV นั้นต่ำมากๆ และก๊าซ NGV ตามหลักการแล้วมีความปลอดภัยที่มากกว่าก๊าซ LPG อยู่มากพอสมควร ทั้งในแง่ของความเสี่ยงในการติดไฟ รวมถึงถังกักเก็บก๊าซที่มีความหนาแน่นและมีความปลอดภัยที่สูงกว่า

แต่ในช่วงหลังๆ มานี้ ทางภาครัฐฯ ได้ทยอยยกเลิกมาตรการสนับสนุนก๊าซ NGV ส่งผลให้ราคาก๊าซพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดยในช่วงเดือนเมษายนของปี 2564 ก๊าซ NGV มีราคาอยู่ที่ 13.49 บาท / กิโลกรัมและในเดือนเมษายนของปี 2567 นี้ ก๊าซ NGV มีราคาอยู่ที่ 18.66 บาท / กิโลกรัม เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ในช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมา (แต่สถานีบริการเติมก๊าซหลายแห่ง มีการบวกเพิ่มราคามากกว่านี้)

อีกหนึ่งปัจจัยที่ถือได้ว่าเป็นข้อเสียของรถที่ใช้ก๊าซ NGV ก็คือ ระยะทางที่วิ่งได้ค่อนข้างน้อย เนื่องจากรถที่ใช้ก๊าซ NGV หากเติมก๊าซเต็มถังจะสามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 150-200 กิโลเมตรก็ต้องไปเติมก๊าซใหม่แล้ว และหลายครั้งเราจะเห็นภาพรถแท็กซี่จอดต่อคิวเติมก๊าซหน้าปั๊มกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เสียเวลาในการรับลูกค้าไปอยู่พอสมควร

คนหันมาใช้ LPG มากขึ้น

ทำให้กลุ่มคนขับรถแท็กซี่รวมถึงประชาชนทั่วไป หันไปใช้พลังงานทางเลือกอีกประเภทหนึ่งซึ่งก็คือ ก๊าซ LPG หรือก๊าซหุงต้ม เนื่องจากมีราคาที่ใกล้เคียงกัน แถมยังมีค่าติดตั้งอุปกรณ์ก๊าซที่ถูกกว่ามาก และยังสามารถกักเก็บก๊าซได้มากกว่า (ไม่จำเป็นต้องเติมก๊าซบ่อยๆ ) และตัวถังก๊าซ NGV ยังมีน้ำหนักที่มากกว่าถังก๊าซ LPG ถึงราวๆ 1 เท่าตัวด้วยกัน ทำให้ปริมาณของรถยนต์ที่ใช้ก๊าซ NGV บนท้องถนนลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้สถานีเติมก๊าซ NGV ทยอยปิดตัวลง เนื่องจากจำนวนผู้ใช้บริการที่ลดลง แต่ก็ยังมีรถแท็กซี่อีกจำนวนหนึ่งที่ยังคงใช้ก๊าซ NGV อยู่ ทำให้หาสถานีบริการเพื่อเติมก๊าซ NGV ได้ยากขึ้นนั่นเอง

รถยนต์ไฟฟ้า อาจเข้ามามีบทบาทในกลุ่มผู้ขับ “รถแท็กซี่” มากยิ่งขึ้น

เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รถยนต์ไฟฟ้า กำลังได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างมาก รวมถึงกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่ก็เริ่มหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากยิ่งขึ้น รวมถึงบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายบริษัท ได้มีความร่วมมือกับบริษัทผู้ให้บริการรถแท็กซี่ รวมถึงแอปพลิเคชันเรียกรถแท็กซี่ ซึ่งจากที่ผู้เขียนเคยได้พูดคุยกับคนขับรถแท็กซี่ ที่ได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในการให้บริการ ก็ดูเหมือนว่าคนขับจะประทับใจในความประหยัดค่าใช้จ่ายในการเติมเชื้อเพลิง เพราะสามารถเซฟค่าใช้จ่ายเมื่อเปรียบเทียบกับรถแท็กซี่ที่ใช้พลังงาน LPG ได้ถึง 30-50 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังติดปัญหาที่ระยะทางวิ่งต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยจากสถิติพบว่าในหนึ่งวันรถแท็กซี่จะมีระยะวิ่งเฉลี่ยอยู่ที่ราว 350-400 กิโลเมตร ซึ่งรถไฟฟ้าในปัจจุบันยังมีระยะทางวิ่งไม่ครอบคลุมการใช้งานในหนึ่งวันสักเท่าไหร่ ทำให้อาจต้องเสียเวลาชาร์จไฟระหว่างวัน ซึ่งทำให้เสียโอกาสในการหารายได้ไปถึงราว 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในอนาคตทางภาครัฐฯ อาจมีนโยบายสนับสนุนให้คนขับรถแท็กซี่เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากจะสามารถช่วยลดปริมาณไอเสียลงได้อย่างมีนัยยะสำคัญ ลองนึกภาพว่ารถแท็กซี่ในกรุงเทพฯ ซึ่งมีจำนวนอยู่ที่ราวๆ 80,000 คัน เปลี่ยนมาใช้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด น่าจะช่วยให้อากาศสะอาดขึ้นไม่มากก็น้อย และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเติมเชื้อเพลิงของผู้ขับได้อีกด้วย

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : pttplc.com / thansettakij.com / mongkol.ptlpg.net / energynewscenter.com / prachachat.net

รับชมข่าวสารยานยนต์อื่นๆที่น่าสนใจ คลิกที่นี่

รับชมคลิปวีดีโอทดสอบรถของเรา คลิกที่นี

บทความที่น่าสนใจ

Alfa Romeo ยก Lexus เป็นต้นแบบในด้าน “คุณภาพ” ในการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ของพวกเขา

Nopkung

Ford Fiesta ST Edition อีกระดับของประสบการณ์การขับขี่แบบสปอร์ต ผลิต 500 คันในยุโรป

idiot

เผยภาพ Avatr 12 รถซีดานไฟฟ้าสุดโฉบเฉี่ยว ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจาก Huawei

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy