รถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้สูญเสียพลังงานเมื่อขับขึ้นเขาเหมือนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่การขับขึ้นเขาจะทำให้ระยะทางที่สามารถเดินทางได้ลดลงอย่างรวดเร็วกว่าปกติ รถยนต์ไฟฟ้าใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อขับขึ้นทางลาดชัน แต่การเบรกแบบรีเจนเนอเรทีฟจะช่วยเติมพลังงานกลับคืนมาได้มากในขณะที่ขับลงเขา
เมื่อขับขึ้นเขา รถยนต์ไฟฟ้าจะสูญเสียระยะทางที่สามารถเดินทางได้อย่างรวดเร็ว แต่หากมีช่วงลงเขาที่ยาวและมีการเบรกแบบรีเจนเนอเรทีฟมาก ก็จะช่วยเติมพลังงานกลับคืนมาได้เป็นอย่างมาก ทดสอบการขับขึ้นและลงเขาในเส้นทางเดียวกันจึงเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถเปรียบเทียบพลังงานที่สูญเสียไปในขณะขับขึ้นเขา กับพลังงานที่เติมกลับคืนมาในขณะขับลงเขาได้อย่างแม่นยำ
การขับจาก Boulder ไปยังยอดเขา Loveland Pass ซึ่งมีความสูง 11,990 ฟุต และกลับลงมาตามเส้นทางเดิม เป็นวิธีเดียวที่จะได้ผลการเปรียบเทียบการใช้พลังงานขึ้นกับการกู้คืนพลังงานขณะขับลงเขาได้อย่างแม่นยำ
– ในการขับขึ้นทางเขา รถยนต์ไฟฟ้าจะใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าปกติมาก โดยในการขับทดสอบใช้ Hyundai Ioniq 5 มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานเฉลี่ย 2.2 ไมล์ต่อหนึ่งหน่วยพลังงาน
– ในขณะขับลงเขา ประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเป็น 3.7 ไมล์ต่อหนึ่งหน่วยพลังงาน และรถยังมีแบตเตอรี่เหลืออยู่ 46% เมื่อถึงจุดสิ้นสุดการทดสอบ
– การทำให้การชาร์จประจุระหว่างการขับลงเขามีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น การใช้โหมด i-Pedal ที่ทำให้สามารถขับรถด้วยแค่แป้นเร่งเพียงอย่างเดียว จะช่วยให้กู้คืนพลังงานได้มากขึ้น
รับชมคลิปได้ที่ลิ้งนี้เลย https://www.youtube.com/watch?v=SNvgHcgxisM&t=2s
การขับรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นและลงเขานั้นมีทั้งความง่ายและความยากไปพร้อมกัน รถยนต์ไฟฟ้าอาจใช้พลังงานมากขึ้นขณะขับขึ้นทางลาดชัน แต่ถ้าสามารถใช้ประโยชน์จากการชาร์จประจุระหว่างขับลงเขาได้อย่างเต็มที่ ก็จะสามารถฟื้นฟูระยะทางที่สูญเสียไปได้เป็นอย่างดี
Cr.insideevs