ก่อนหน้านี้เยอรมนีได้มีการออกนโยบายและมาตรการด้านภาษีเพื่อจูงใจให้ประชาชนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า คล้ายๆ กับอีกหลายประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตามในเดือนธันวาคมปี 2023 ที่ผ่านมารัฐบาลของเยอรมนีได้ตัดสินใจยุติโครงการดังกล่าวอย่างกะทันหัน และหลังจากนั้นยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าก็ลดลงอย่างรวดเร็ว
An abrupt end to government subsidies sent electric vehicle sales down by 54.9% in Germany in January 2024. PHEVs also experienced a 19.6% decline. Sales of gasoline and diesel vehicles both rose by close to 10.0% in a passenger vehicle market down 11.7% month-on-month. pic.twitter.com/C5e2ZTFJ07
— Greg Kable (@GregKable) February 6, 2024
มีการเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศเยอรมนีเดือนมกราคมปี 2024 ลดลงกว่า 54.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมปี 2023 ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับยอดขายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่ลดลง 19.6 เปอร์เซ็นต์
ในทางกลับกันตลาดรถเครื่องยนต์สันดาปภายในกลับเพิ่มขึ้นมากกว่า 9 เปอร์เซ็นต์ โดยรถที่ใช้น้ำมันเบนซินขายได้เพิ่มขี้น 9.1 เปอร์เซ็นต์ และ 9.5 เปอร์เซ็นต์สำหรับดีเซล อย่างไรก็ดีการฟื้นตัวเล็กน้อยของรถ ICE นั้นไม่เพียงพอที่จะหนุนตลาดยานยนต์ ซึ่งหดตัวลง 11.7 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมปี 2023
แม้ว่าการสิ้นสุดมาตรการจูงใจทางภาษีจะทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าลดลงอย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้ยอดขายลดลง โดยผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่า เศรษฐกิจที่อ่อนแอ ต้นทุนทางการเงินที่สูง และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ นำไปสู้ความลังเลในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ แม้ว่านั่นจะเป็นความท้าทายสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ แต่เขาเชื่อว่า “โดยรวมแล้ว ปี 2024 น่าจะเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์”
สมาคมยานยนต์ของเยอรมนี คาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์นั่งทั่วโลกในปี 2024 จะเติบโต 2% แตะที่ 77.4 ล้านคัน เกือบเท่ากับระดับก่อนที่จะเกิดโรคระบาดที่ 78.8 ล้านคัน อย่างไรก็ตาม สมาคมคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์ของเยอรมนีจะหดตัว 1% ในปีเดียวกัน โดยยอดขายลดลงเหลือ 2.82 ล้านคัน หรือลดลง 25% จากระดับก่อนเกิดโรคระบาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าคาดว่าจะลดลงประมาณ 9% ในปีหน้า แม้ว่าการผลิตจะเพิ่มขึ้น 19% ก็ตาม
CR : Carscoops