การลากจูงเทรลเลอร์เพื่อการท่องเที่ยวพักผ่อนหรือการประกอบธุรกิจนั้น เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความชำนาญ ใส่ใจในรายละเอียด มีทักษะการขับรถที่ดี และรู้จักการคำนวณน้ำหนัก เพื่อการบรรทุกที่เหมาะสม เชฟโรเลต ประเทศไทย ขอแนะนำเคล็ดลับสำหรับการลากจูงที่ถูกต้อง ดังนี้
เลือกรถให้ถูกต้องเหมาะสม
เมื่อได้รับการติดตั้งอุปกรณ์การลากลูงที่เหมาะสม รถกระบะ โคโลราโดสามารถลากจูงเทรลเลอร์ที่มีระบบเบรกได้ถึง 3,500 กิโลกรัม และรถอเนกประสงค์ เทรลเบลเซอร์สามารถลากจูงได้ถึง 3,000 กิโลกรัม นอกจากนี้ รถกระบะโคโลราโด มิดไนท์ อีดิชั่น, ไฮ คันทรี, ไฮ คันทรี สตอร์ม, และเซนเทนเนียล อีดิชั่น รวมถึงรถอเนกประสงค์เทรลเบลเซอร์ แอลที, แอลทีแซด และ ซี71 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถลากจูงได้ง่ายยิ่งขึ้น อาทิ ระบบลดอาการส่ายขณะลากจูงเทรลเลอร์ (Trailer Sway Control) ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (Hill Start Assist) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control) และระบบช่วยลงทางลาดชัน (Downhill Mode)
เลือกตะขอลากที่เหมาะสม
การเลือกตะขอลากจูงและสายไฟเชื่อมต่อที่เหมาะสม มีผลต่อการควบคุมรถยนต์ การเข้าโค้ง และการเบรก รวมถึงทำให้คุณสามารถส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่คนอื่น เมื่อต้องเปลี่ยนช่องจราจรหรือเลี้ยวขณะลากจูงได้ ก่อนที่จะเลือกตะขอลากจูงหรือเทรลเลอร์ คุณควรจะเรียนรู้น้ำหนักที่รถของคุณสามารถบรรทุกหรือลากจูงได้ก่อน และปรึกษาผู้ที่มีความเชียวชาญในการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อการใช้งานที่เหมาะสม
คำนวณน้ำหนักก่อนบรรทุก
น้ำหนักสุทธิของรถ (Gross combined weight rating – GCWR) คือ น้ำหนักรวมทั้งหมดของรถยนต์และเทรลเลอร์ ซึ่งรวมถึงน้ำมัน ผู้โดยสาร สัมภาระ อุปกรณ์ และอุปกรณ์ตกแต่ง โดยน้ำหนักรวมทั้งหมดไม่ควรเกินอัตราการรับน้ำหนักสุทธิของรถ ซึ่งสามารถดูได้จากคู่มือสำหรับรถยนต์ของคุณ สำหรับการตรวจสอบว่าน้ำหนักของรถยนต์และเทรลเลอร์อยู่ในอัตราการรับน้ำหนักสุทธิของรถหรือไม่ ให้ปฏิบัติ ดังนี้
- เริ่มต้นจากน้ำหนักรถเปล่า (Curb weight)
- บวกน้ำหนักของเทรลเลอร์ซึ่งบรรทุกสัมภาระและพร้อมสำหรับการเดินทาง
- บวกน้ำหนักของผู้โดยสารทุกคนบนรถ
- บวกน้ำหนักของสัมภาระทั้งหมดภายในรถยนต์
- บวกน้ำหนักของชุดลากจูง เช่น เหล็กต่อพ่วงรถ (Drawbar) ชุดลากหัวบอล (Ball mount)บาร์คู่สำหรับรับน้ำหนัก (Load equalizer bars) หรือบาร์ค้ำลากจูง (Sway bar)
- บวกน้ำหนักของอุปกรณ์ตกแต่งหรืออุปกรณ์ต่างๆ จากตลาดหลังการขาย (Aftermarket) ที่ติดตั้งเพิ่มเติมในรถยนต์
ติดตั้งโซ่เซฟตี้เพื่อความปลอดภัย
ติดตั้งโซ่เซฟตี้ระหว่างรถยนต์และเทรลเลอร์ของคุณเสมอ โซ่เซฟตี้จะต้องพาดผ่านใต้ตัวยึดของเทรลเลอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยึดตกลงมา เมื่อเทรลเลอร์หลุดออกจากตะขอลาก
กระจายน้ำหนักสัมภาระ
เมื่อบรรทุกสัมภาระในเทรลเลอร์ ควรให้น้ำหนัก 60 เปอร์เซ็นต์ของสัมภาระอยู่ค่อนไปทางด้านหน้าของเทรลเลอร์ และกระจายน้ำหนักด้านข้างให้เท่าๆ กัน การบรรทุกสัมภาระโดยให้น้ำหนักค่อนไปด้านหน้าหรือหลังมากเกินไป อาจทำให้เทรลเลอร์แกว่งได้ ไม่บรรทุกสัมภาระเกินน้ำหนักที่รถยนต์ของคุณสามารถรับไหว โดยสัมภาระดังกล่าวรวมถึงน้ำหนักของตัวยึด (Tongue Weight) ซึ่งคือ แรงกดจากตัวครอบหัวบอลบนหัวลากจูงของรถเทรลเลอร์ โดยปกติ จะหนักประมาณ 10 – 15 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักเทรลเลอร์ที่บรรทุกสัมภาระ สำหรับหัวลากจูงปกติ
เคล็ดลับอื่นๆ ที่ควรรู้
เมื่อต้องถอยเทรลเลอร์ ให้วางมือข้างหนึ่งอยู่ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาของพวงมาลัย เมื่อต้องการเคลื่อนย้ายเทรลเลอร์ไปทางซ้ายให้หมุนพวงมาลัยไปด้านซ้าย และหากต้องการให้เทรลเลอร์ไปด้านขวาให้หมุนพวงมาลัยของคุณไปด้านขวา ถอยเทรลเลอร์ทีละนิดอย่างช้าๆ เพื่อรักษาการควบคุม
ควรเผื่อระยะในการเบรกเมื่อรถของคุณลากจูงเทรลเลอร์อยู่ ระยะห่างที่ปลอดภัยคือ การเว้นช่องว่างขนาดเท่ารถยนต์ที่ลากจูงเทรลเลอร์ 1 คัน ระหว่างรถของคุณและรถคันข้างหน้า สำหรับความเร็วทุกๆ 10 ไมล์ต่อชั่วโมง
อย่าพยายามหลีกเลี่ยงการแกว่งของเทรลเลอร์ เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม เมื่อเทรลเลอร์แกว่ง ให้พยายามบังคับพวงมาลัยให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พร้อมปล่อยคันเร่ง (โดยไม่แตะเบรก) และดึงเบรกมือไฟฟ้าของเทรลเลอร์ (ถ้ามี)
สำหรับการขับรถยนต์ขึ้นเขาหรือทางลาดชัน การใช้เกียร์ต่ำจะทำให้รถยนต์มีกำลังหรือแรงบิดมากขึ้น ควรขับรถยนต์ขึ้นเขาหรือทางลาดชันด้วยความเร็วที่ไม่มากไปกว่าความเร็วที่คุณใช้เพื่อขับลงเขา และเปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำเพื่อใช้แรงจากเครื่องยนต์ช่วยในการเบรก ขณะที่ขับลงจากเขาหรือทางลาดชัน