Maserati ได้เปิดตัว All-New Maserati GranTurismo ออกมาแล้วอย่างเป็นทางการ มาพร้อมกับการผสานของสไตล์ที่ทันสมัย สัดส่วนที่เซ็กซี่ และห้องโดยสาร 4 ที่นั่งอันหรูหรา มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Modena และ Trofeo ที่ติดตั้งขุมพลัง V6 และ Folgore ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
Maserati GranTurismo เจนเนอเรชั่นใหม่เติบโตขึ้นในทุกมิติ โดยมีความยาว 4,959 มม. ความกว้าง 1,957 มม. และความสูง 1,353 มม. พร้อมระยะฐานล้อ 2,929 มม. อย่างไรก็ตามในรุ่น Trofeo นั้นมีความยาวกว่า Modena และ Folgore เล็กน้อย โดยวัดได้ที่ 4,966 มม.
ดีไซน์ภายนอกดูเหมือนจะวิวัฒนาการมาจากรุ่นก่อน โดยมีฝากระโปรงที่ยาว และจมูกหน้าที่ต่ำพร้อมโลโก้ตรีศูลของ Maserati ไฟหน้าติดซุ้มล้อที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น MC20 และ Grecale ซุ้มล้อหลังสุดแข็งแกร่ง ไฟท้าย LED ทรงเพรียวบางที่จัดวางในแนวนอน และล้ออัลลอยด้านหน้าขนาด 20 นิ้ว และด้านหลัง 21 นิ้ว
ความแตกต่างของสไตล์รถทั้ง 3 รุ่นนั้นมีเพียงเล็กน้อย แต่ก็พอจะสังเกตุได้ที่กันชนหน้า ช่องดักอากาศ และรูปแบบของกระจังหน้าที่แตกต่างกัน โดยในรุ่น Folgore และ Modena มีกันชนหน้าสีเข้ม ในขณะที่ Trofeo ได้รับการตัดแต่งที่ดูสปอร์ตยิ่งขึ้นและมีสปลิตเตอร์หน้าที่มีบางส่วนสีเดียวกับตัวรถ
ส่วนบั้นท้ายรุ่น Folgore ไม่มีปลายท่อให้เห็นเนื่องจากเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่รุ่น Modena และ Trofeo มาพร้อมปลายท่อไอเสีย 4 ท่อ ดิฟฟิวเซอร์ที่โดดเด่น และลิปสปอยเลอร์คาร์บอนไฟเบอร์
Maserati GranTurismo ใช้สถาปัตยกรรมน้ำหนักเบาแบบใหม่ที่ทำจากอลูมิเนียม แมกนีเซียม และเหล็ก ทุกรุ่นมีระบบกันสะเทือนแบบปีกนกคู่พร้อมแกนพวงมาลัยแบบ “semi-virtual” ที่ด้านหน้า และแบบมัลติลิงค์ที่ด้านหลัง พร้อมสปริงลมควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
Maserati GranTurismo รุ่นเครื่องยนต์สันดาปทั้ง 2 ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 Nettuno 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ 5 โหมด ได้แก่ Comfort, GT, Sport, Corsa และ ESC-Off
ในรุ่นเริ่มอย่าง Modena ให้กำลังสูงสุด 496 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม.ต่อชม. ได้ภายใน 3.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 302 กม.ต่อชม.
สำหรับรุ่น Trofeo ที่เน้นสมรรถนะจะได้เครื่องยนต์ V6 ที่ทรงพลังกว่าด้วยพละกำลัง 557 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร พร้อมระบบล็อกเฟืองท้ายอิเล็กทรอนิกส์สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม.ต่อชม. ได้ภายใน 3.2 วินาที และความเร็วสูงสุด 320 กม.ต่อชม.
สุดท้ายรุ่น Folgore ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ กลายเป็นโปรดักชั่นที่ทรงพลังที่สุดของ Maserati ด้วยพละกำลังรวมสูงสุด 761 แรงม้า (PS) และแรงบิดมหาศาล 1,350 นิวตันเมตร ซึ่งถ่ายทอดมาจากมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว และแบตเตอรี่รูปตัว T ขนาด 92.5 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่ใช้เทคโนโลยีจาก Formula E
กำลังส่งไปยังล้อทั้ง 4 ด้วยความช่วยเหลือจากระบบ torque vectoring อัตราเร่ง 0-100 กม.ต่อชม. ภายใน 2.7 วินาที และจาก 0-200 กม.ต่อชม. ภายใน 8.8 วินาที และความเร็วสูงสุด 320 กม.
Maserati ไม่ได้เผยแพร่ภาพของห้องโดยสาร แต่ระบุว่าสามารถรองรับผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ได้ 4 ที่นั่ง พร้อมมาตวัตรดิจิทัลขนาด 12.2 นิ้ว, หน้าจอ Heads-up display, หน้าจอสัมผัสแสดงผลระบบ Infotainment ขนาด 12.3 นิ้ว, หน้าจอสัมผัสขนาด 8.8 นิ้วอีกอันบนคอนโซลกลาง และนาฬิกาที่เป็นเอกลักษณ์บนแดชบอร์ด
ผู้ขับขี่ยังสามารถโต้ตอบกับสาระบันเทิงผ่านการสัมผัส ท่าทาง และคำสั่งเสียงได้โดยใช้ Maserati Intelligent Assistant (MIA) อีกทั้งยังมีเครื่องเสียง 1,195 วัตต์ พร้อมลำโพง 19 ตัวจาก Sonus Faber และระบบความปลอดภัย ADAS อีกจำนวนมาก
Maserati ไม่ได้เปิดเผยราคาสำหรับ All-New Maserati GranTurismo ขณะที่การส่งมอบมีกำหนดเริ่มต้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2023
CR : Carscoops