หลังจากปล่อยให้แฟนๆ รอคอยกันมาพักใหญ่ ในที่สุด 2023 BMW XM ก็ได้รับการเผยโฉมแล้วอย่างเป็นทางการ ในฐานะเรือธงคันใหม่ของตระกูล M และเป็นรถเอสยูวีสมรรถนะสูงแบบสแตนด์อโลนที่มีเฉพาะในรุ่น M เท่านั้น มาพร้อมระบบส่งกำลังแบบปลั๊กอินไฮบริดที่ให้กำลัง 653 แรงม้า และสูงสุดที่ 748 แรงม้าในรุ่น Label Red เคาะเริ่ม 159,000 เหรียญสหรัฐฯ
XM รุ่นปกติขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.4 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลัง 490 แรงม้า (PS) และแรงบิด 650 นิวตันเมตร ส่งไปยังล้อทั้ง 4 ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ซึ่งภายในชุดเกียร์มีมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 197 (PS) เมื่อทั้งคู่ทำงานร่วมกันจะผลิตกำลังได้สูงสุด 653 แรงม้า ที่ 5,400 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ที่ 1,600-5,000 รอบต่อนาที
ในขณะที่รุ่น Label Red ที่ทรงพลังยิ่งกว่าและจะเปิดตัวในภายหลังนั้นให้กำลังสูงสุด 748 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 997 นิวตันเมตร นอกจากนี้ XM ยังมาพร้อมชุดบูสเตอร์ไฮบริดซึ่งมีแบตเตอรี่ขนาด 25.7 kWh เพียงพอที่จะทำให้รถวิ่งได้ประมาณ 50 กม. ที่ความเร็วสูงสุด 140 กม.ต่อชม.
แม้ว่าตัวเลขเหล่านี้จะส่งผลให้ XM เป็นรถยนต์ M ที่ทรงพลังที่สุด แต่ด้วยน้ำหนัก 2,750 กก. หรือหนักเกือบ 2.4 เท่าของรุ่น E30 และ M3 นั้น ทำให้มันเป็นรถโปรดักชั่นที่สุดของ BMW และมีอัตราเร่งที่ช้ากว่ารถยนต์ M หลายๆ รุ่น โดยสามารถวิ่งจาก 0-100 กม.ต่อชม. ได้ภายใน 4.3 วินาที และความเร็วสูงสุดถูกจำกัดที่ 250 กม.ต่อชม. แต่สามารถปลดล็อคเป็น 270 กม.ต่อชม. ได้เมื่อติดตั้ง M Driver’s Package ที่เป็นอุปกรณ์เสริม
ในส่วนของดีไซน์ภายนอก มือจับประตูแบบฝังเรียบกับตัวถังและไฟท้ายแบบบูมเมอแรงของรถต้นแบบ Concept XM ได้หายไปแล้ว แต่ BMW ก็ยังคงรักษาดีไซน์ส่วนใหญ่จากรถต้นแบบไว้ โดยนำเสนอกระจังหน้าขนาดใหญ่ ไฟหน้าแบบแยกส่วน ท่อไอเสียแบบเรียงซ้อนในแนวตั้ง ไฟท้ายเปลี่ยนดีไซ์ใหม่ และล้อขนาด 23 นิ้วที่เป็นมาตรฐานในสหรัฐอเมริกา
การตกแต่งภายในที่หรูหราในรถต้นแบบ Concept XM ถูกลดทอนลงไป แต่ก็ได้มีการนำเสนอ หนัง Vintage Coffee Merino ผสมกับหนัง Soft Nappa แผงบุหลังคามีไฟ LED ไม่น้อยกว่า 100 ดวงสำหรับเอฟเฟกต์แสงสีตามโหมดการขับขี่ที่เลือก นอกจากนี้ยังมาะร้อม iDrive 8 รุ่นล่าสุด และ head-up display เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในขณะเดียวกันยังนำเสนอระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน BMW อีกด้วย
2023 BMW XM มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 159,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 6 ล้านบาท ขณะที่รุ่น Label Red มีราคา 185,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 7 ล้านบาท
CR : Carscoops