Renault 5 Turbo 3E ใหม่: ภายในที่สะอาดตาและดุดัน พร้อมสมรรถนะที่ยิ่งใหญ่
หลังจากที่ปรากฏตัวในเวทีรถยนต์เป็นครั้งแรกในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัยและเต็มไปด้วยเสียงยางบดบี้และเสียงร้องของมอเตอร์ไฟฟ้า Renault 5 Turbo 3E ก็ได้ขยับขยายจาก 500 แรงม้าเป็น 536 แรงม้า ซึ่งทำให้มันกลายเป็นรถที่สามารถปลดปล่อยพลังได้อย่างมหาศาล และต้องบอกว่า เราชอบมันแบบนี้!
พลังและแรงบิดที่น่าทึ่งของ Renault 5 Turbo 3E
Renault 5 Turbo 3E ใหม่สามารถผลิตแรงบิดมหาศาลถึง 3,540 ปอนด์ฟุต (4,800 นิวตันเมตร) ซึ่งไม่เพียงพอที่จะทำให้รถมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่รวดเร็ว แต่ยังทำให้มันเป็นรถที่น่ากลัวและน่าทึ่งในทุกมุมมอง หากคุณยังไม่เชื่อว่ามันเร็วเพียงพอ ลองนึกถึงเวลาการวิ่ง 0-100 กม./ชม. ที่ต่ำกว่า 3.5 วินาที!
สมรรถนะที่ไม่มีวันหยุด: มอเตอร์ไฟฟ้าและการพัฒนาเพื่อการขับขี่
Renault 5 Turbo 3E มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ติดตั้งในล้อหลัง โดยแต่ละมอเตอร์มีพลัง 268 แรงม้า และเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ทำให้มีพละกำลังรวม 536 แรงม้า รถคันนี้ใช้เทคโนโลยีไฟฟ้า 800 โวลต์ และแบตเตอรี่ขนาด 70 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งสามารถชาร์จจาก 15% ไปถึง 80% ในเวลาเพียง 15 นาทีผ่านช่องชาร์จที่มีความเร็ว 350 กิโลวัตต์.
รูปลักษณ์และการออกแบบที่ดุดัน
Renault 5 Turbo 3E มีการออกแบบที่ดุดัน โดยใช้แพลตฟอร์มอลูมิเนียมที่พัฒนาโดยอัลไพน์ ทำให้มีความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบา ด้วยน้ำหนักรวมเพียง 1,450 กิโลกรัม และการออกแบบที่เน้นการขับเคลื่อนล้อหลัง ทำให้รถคันนี้มีความสมดุลในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม.
ภายในที่ปรับแต่งได้ตามใจคุณ
ภายในของ Renault 5 Turbo 3E มีการออกแบบที่เรียบง่ายและมีลักษณะเฉพาะแบบรถแข่ง โดยมีจอแสดงผลดิจิตอล 2 จอ ขนาด 10.1 นิ้วและ 10.25 นิ้ว พร้อมกับที่นั่งแบบบัคเก็ตที่มีเข็มขัดนิรภัยแบบ 6 จุด และวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และอัลคันทาร่าที่เน้นความเป็นสปอร์ต รวมถึงเบรกมือแบบตั้งในแนวดิ่งสไตล์ราลลี ซึ่งเน้นการใช้งานที่ตรงไปตรงมา.
ราคาและการผลิต
แม้ว่าเรโนลต์จะยังไม่ได้ประกาศราคาทางการ แต่คาดว่าราคาของ Renault 5 Turbo 3E จะอยู่ที่ประมาณ 120,000 ปอนด์ (หรือราว 5,500,000 บาท) และอาจสูงขึ้นหากมีการเลือกตัวเลือกเพิ่มเติม ตัวรถจะผลิตเพียง 1,980 คันเท่านั้น ซึ่งแต่ละคันจะมีหมายเลขเฉพาะ และจะพร้อมจำหน่ายในปี 2027.
สรุป
Renault 5 Turbo 3E ใหม่เป็นการกลับมาของตำนานในรูปแบบที่ทันสมัยและดุดันยิ่งขึ้น ด้วยพลังมหาศาลที่สามารถทำให้รถกลายเป็น “สัตว์ร้าย” ที่เหมาะสำหรับการขับขี่บนสนามแข่งและถนนทุกประเภท หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบรถสปอร์ตและความเร็ว นี่คือรถที่คุณไม่ควรพลาด.
แหล่งที่มา : topgear