ในสถานการณ์ที่คุณอาจติดอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้าขณะอากาศหนาวจัด คงจะสงสัยว่ารถจะใช้พลังงานไปเท่าไรในการทำให้ห้องโดยสารอบอุ่น ในการทดลองนี้ เจ้าของ Tesla Model 3 ในแคนาดาได้ทดลองโดยการเปิดเครื่องยนต์และระบบทำความร้อนทิ้งไว้ทั้งคืนในอุณหภูมิ -28 องศาเซลเซียส (หรือประมาณ -18 องศาฟาเรนไฮต์) เพื่อดูว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะสูญเสียพลังงานไปมากแค่ไหนเมื่อถูกทิ้งไว้ในสภาพแวดล้อมที่เย็นจัดและเปิดระบบทำความร้อน.
รายละเอียดการทดลอง
เจ้าของรถเริ่มต้นทดลองที่เวลา 21:30 โดยที่แบตเตอรี่มีพลังงานคงเหลืออยู่ที่ 66% พร้อมตั้งระบบทำความร้อนในห้องโดยสารที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส (68 องศาฟาเรนไฮต์) รวมทั้งที่นั่งและพวงมาลัยที่มีระบบทำความร้อนทำงานตลอดทั้งคืน
ผลการทดลองพบว่า:
- ภายใน 1 ชั่วโมงแรก, แบตเตอรี่ลดลงไป 4%
- อีก 1 ชั่วโมงต่อมา แบตเตอรี่ลดลงไปอีก 3%
- หลังจากผ่านไป 12 ชั่วโมงในตอนเช้า แบตเตอรี่เหลือพลังงาน 29% ซึ่งหมายความว่าใน 12 ชั่วโมงมีการสูญเสียพลังงานไป 34.4 kWh หรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายที่ประมาณ $6.05 (ประมาณ 200 บาท) จากอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในสหรัฐฯ ที่ $0.176 ต่อ kWh.
การเปรียบเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป
ถ้าเปรียบเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) เช่น รถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ 4 สูบ 1.5 ลิตร จะใช้เชื้อเพลิงประมาณ 0.16 แกลลอนต่อชั่วโมงในขณะจอดทิ้งเครื่องไว้ ใน 12 ชั่วโมงจะใช้เชื้อเพลิงรวม 1.92 แกลลอน คิดเป็นเงินประมาณ $5.76 (ประมาณ 190 บาท). แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการใช้งานจะใกล้เคียงกัน แต่ก็ต้องพิจารณาในแง่ของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการทิ้งเครื่องยนต์สันดาปไว้ในขณะจอดอาจทำให้เกิดการสึกหรอของเครื่องยนต์ และปล่อยก๊าซมลพิษออกมา
ข้อดีของการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในสภาพแวดล้อมหนาวจัด
สิ่งที่รถยนต์ไฟฟ้ามีข้อได้เปรียบเหนือกว่าคือการไม่ปล่อยมลพิษออกมาเมื่อทำงานอยู่ในขณะที่ไม่เคลื่อนที่ ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเมื่อพลังงานที่ใช้มาจากแหล่งพลังงานที่สะอาด
สรุป
จากการทดลองนี้พบว่า ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายในการทิ้งรถยนต์ไฟฟ้าไว้ในสภาพแวดล้อมหนาวจัดจะสูงกว่าการใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันในแง่ของการสูญเสียพลังงาน แต่ก็ยังคงมีข้อดีในด้านการไม่ก่อให้เกิดมลพิษและไม่ทำให้เครื่องยนต์สึกหรอ โดยเฉพาะหากพลังงานที่ใช้มาจากแหล่งพลังงานสะอาด
Cr.insideevs