fbpx

รู้จักกับ V2G เทคโนโลยีแห่งอนาคตเพื่อการจัดการพลังงาน ร่วมฉลองวันแห่งความยั่งยืนโลก

30 ตุลาคมปีนี้ เป็นวันแห่งความยั่งยืนโลก หรือ World Sustainability Day ซึ่งปกติจะจัดในวันพุธสุดท้ายของเดือนตุลาคม เพื่อสร้างความตระหนัก และชวนให้คนทั่วโลกได้ร่วมกันปรับพฤติกรรมที่จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และธรรมชาติเพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลัง วันนี้เราชวนมารู้จักกับเทคโนโลยีนี้เรียกว่า V2G หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า Vehicle-to-Grid ซึ่งเป็นการนำไฟฟ้าส่วนเกินจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือ EV มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่นเดียวกันกับในหลายๆ ประเทศ ประเทศไทยกำลังตื่นตัวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพราะนอกจากจะช่วยให้ผู้ขับขี่ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและการเดินทางแล้ว ยังไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ทันที

เทคโนโลยี V2G ที่อาจเรียกง่าย ๆ ได้ว่าเป็นเทคโนโลยีชาร์จไฟสองทาง นอกจากจะใช้ชาร์จรถก่อนออกเดินทางแล้ว เมื่อเรากลับถึงบ้าน และยังมีไฟฟ้าเหลืออยู่ในแบตเตอรี่รถยนต์ เทคโนโลยี V2G ยังช่วยให้เรานำพลังงานส่วนที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่ของรถ EV ส่งกลับเข้าสู่ระบบไฟบ้านมาใช้ในระบบไฟส่องสว่าง แอร์ หรือเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ในบ้านได้

นิสสันซึ่งเป็นหนึ่งในค่ายรถยนต์ผู้นำของโลกด้านเทคโนโลยี V2G มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีทั้งในต่างประเทศ และในประเทศไทย เริ่มต้นจากโครงการ Blue Switch ที่นิสสันริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2561 ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อสร้างสังคมที่ไร้มลพิษ พร้อมยกระดับการเดินทางและการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมด้วยการขับเคลื่อนจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

สำหรับประเทศไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นหนึ่งในองค์กรแรก ๆ ในประเทศไทยที่ได้ศึกษา และทดลองนำเทคโนโลยี V2G มาใช้อย่างเต็มศักยภาพ โครงการความร่วมมือระหว่าง นิสสัน ประเทศไทย กับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ฮ้อปคาร์ จำกัด โดยใช้นิสสัน ลีฟ รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีถ่ายเทพลังงานจากยานพาหนะสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้า เป็นตัวอย่างในการทดลองนี้

 

แม้ว่าโครงการนี้จะเพิ่งเริ่มต้นในประเทศไทยและยังต้องรออีกระยะหนึ่งก่อนที่จะได้เห็นผลการทดลองที่ชัดเจน แต่ในระยะยาวแล้วนั้น การศึกษา และการวิจัยนี้จะช่วยให้เราเข้าใจและเห็นแนวทางพัฒนาการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืนในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการใช้เทคโนโลยี V2G เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ตลอดจนลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ขณะเดียวกันยังช่วยลดมลภาวะและส่งผลต่อการชะลอผลกระทบจากภาวะโลกร้อนด้วย

 

 

หนึ่งในประโยชน์ที่สำคัญของเทคโนโลยี V2G คือการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานสำรองสำหรับบ้านเรือนและอาคาร ในกรณีที่เกิดการขาดแคลนพลังงานหรือไฟฟ้าดับหรือภาวะฉุกเฉิน เช่น เมื่อเกิดภัยพิบัติธรรมชาติทำให้ระบบจ่ายไฟฟ้าล่ม เราสามารถดึงเอาพลังงานไฟฟ้าส่วนเกินที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในบ้านเรือนหรืออาคารได้ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้พลังงานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับบ้านที่มีผู้ป่วยหรือผู้ที่ต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต้องใช้ไฟฟ้า ที่จะสามารถดูแลคนเหล่านี้ได้อย่างต่อเนื่องในขณะที่รอความช่วยเหลือ

 

แน่นอนว่า การมีรถยนต์ที่ทำหน้าที่เสมือนโรงไฟฟ้าส่วนตัวของเรายังช่วยให้บริหารการใช้ไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าเราจัดการดี ๆ จะสามารถชาร์จไฟรถในช่วงที่คนใช้ไฟฟ้าน้อยอัตราค่าไฟถูกและดึงไฟฟ้าจากแบตเตอรี่รถมาใช้ในบ้านในช่วงที่คนใช้ไฟฟ้าเยอะอัตราค่าไฟฟ้าสูง เราจะลดค่าไฟฟ้าช่วงนี้ได้อีกและยังเป็นการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย

 

ที่สำคัญกว่าเรื่องค่าใช้จ่าย คือ เรากำลังช่วยกันลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน

การเปลี่ยนแปลงเพื่อความยั่งยืน คือความรับผิดชอบของพวกเราทุกคน เพียงเราแต่ละคนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนคนละนิด โลกของเราจะดีขึ้นได้แน่นอน ในวันความยั่งยืนโลกปีนี้ คุณจะทำอะไรดี

 

รับชมคลิปเกี่ยวกับแวดวงยานยนต์เพิ่มเติม คลิกที่นี่!!!

บทความที่น่าสนใจ

2 ล้องานเข้า “สหราชอาณาจักร” เตรียมยุติการขายมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาปในปี 2035

Nopkung

Audi กวาด7 รางวัล “Best Brands in All Classes” จากนิตยสาร The Auto Bild

idiot

เปิดตัว New Honda Rebel 500, Rebel 300 และ New CB150R สีใหม่

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy